K อินทีเรียพยุงรายได้ เชื่ออีเวนต์ฟื้นตัวปีหน้า

#K #ทันหุ้น – K ชี้ปีนี้เป็นช่วงปรับฐาน ถูกปัจจัยกระทบต่อเนื่องหลายเหตุการณ์ ฉุดธุรกิจอีเวนต์สะดุด แต่อินทีเรียกลับมาเติบโตโดดเด่นช่วยพยุงรายได้คาดทำได้ถึง 300–400 ล้านบาท จ่อรับอานิสงส์เมกะโปรเจ็กต์ พร้อมรุกขยายงานกลุ่มใหม่ แย้มปีหน้าอีเวนต์มีสัญญาณฟื้นตัว
นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้จัดการด้านสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. จำกัด (มหาชน) หรือ K เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2568 เป็นปีที่บริษัทต้องจัดการกับภาวะตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะฝั่งของนิทรรศการ (Exhibition) และอีเวนต์ (Event) ซึ่งได้รับผลกระทบแบบต่อเนื่องจากหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่แผ่นดินไหวในช่วงเดือนมีนาคม จนถึงการแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทำให้งานกิจกรรมปลายปีต่างๆ ที่วางแผนไว้ มีการยกเลิก เลื่อน หรือปรับลดกิจกรรมและงบประมาณลงเพื่อให้เหมาะสมกับช่วงเวลาดังกล่าว
** อีเวนต์สะดุด
สำหรับภาพรวมรายได้ที่หายไปในธุรกิจอีเวนต์ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 100–150 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับแผนของลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งต้องการรอจังหวะที่เหมาะสมกว่าหรือเลื่อนไปจัดในปีหน้า ทำให้ภาพรวมของตลาดอีเวนต์ปีนี้ผันผวนมากกว่าคาด แต่บริษัทมองว่าดีมานด์ไม่ได้หายไป และหลายงานกำลังทยอยกลับเข้ามาในช่วงต้นปี 2569 ขณะที่การจัดงานรูปแบบผสมผสาน (Hybrid Event) ก็เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังแบรนด์ต้องการสร้างความเชื่อมต่อกับลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์
แม้ฝั่งอีเวนต์ชะลอแต่ธุรกิจอินทีเรีย (Interior) กลับเติบโตโดดเด่นตลอดปี 2568 โดยงานที่เข้ามามากที่สุดเป็นงานปรับปรุงพื้นที่รีเทลระดับพรีเมียมในทำเลเศรษฐกิจหลัก เช่น สยามพารากอน ไอคอนสยาม และเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ส่งผลให้รายได้จากงาน Interior ปีนี้คาดว่าจะทำได้ถึง 300–400 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ช่วยพยุงฐานรายได้ของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
นายวงศกร กล่าวว่า ความแข็งแรงของธุรกิจ Interior ในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทในการแข่งขันตลาดออกแบบ–ตกแต่งระดับพรีเมียม อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายไปสู่กลุ่มใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานสำนักงาน พื้นที่สาธารณะ ล็อบบี้โรงแรม และพื้นที่สำหรับกิจกรรมภายในอาคารของโครงการ Mixed-use
** เตรียมส่งมอบงาน
ขณะที่ในปัจจุบันผู้พัฒนาโครงการต้องการงานที่มีดีไซน์เฉพาะตัวมากขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสและความได้เปรียบในการนำเสนอผลงานเชิงสร้างสรรค์ควบคู่กับงานระบบภายใน ปัจจุบันบริษัทมีงานอินทีเรียในมือ (Backlog) สำหรับส่งมอบในช่วงต้นปีหน้า มูลค่าประมาณ 12–13 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่บริษัทจับตาเป็นพิเศษคือการทยอยเปิดโครงการขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ในปีหน้า อาทิ One Bangkok, Dusit Central Park และ Bangkok Mall บางนา โครงการเหล่านี้มีความต้องการงานออกแบบพื้นที่ภายในอาคารจำนวนมาก รวมถึงงานกิจกรรมเชิงการตลาดของแบรนด์ที่จะเข้ามาเช่าใช้พื้นที่ ทำให้บริษัทมองว่าปี 2569 จะเป็นปีที่สัญญาณการฟื้นตัวของทั้งสองกลุ่มธุรกิจ อีเวนต์และอินทีเรีย จะเริ่มชัดเจนขึ้น
“ปี 2568 เป็นปีที่เราต้องปรับตัวตามสถานการณ์หลายครั้ง แต่โดยรวมเรายังรักษาฐานรายได้ไว้ได้ในระดับเหมาะสม และมีงาน Interior เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ปี 2569 จะต่างออกไป เพราะโครงการขนาดใหญ่กำลังทยอยเปิดและต้องการงานตกแต่งจำนวนมาก ซึ่งเป็นโอกาสโดยตรงของเรา รวมถึงงานอีเวนต์ที่คาดว่าจะฟื้นตัวตามงบการตลาดของแบรนด์ต่างๆ” นายวงศกรกล่าว ทิ้งท้าย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
