CEO ประสิทธิ์ ชู “เทคโนโลยี” หัวใจสำคัญธุรกิจอาหารตอบ 5 เมกะเทรนด์ พร้อมสัมภาษณ์พิเศษ Bloomberg TV

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมแบ่งปันมุมมองและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตอบรับเทรนด์โลกของอุตสาหกรรมอาหาร บนเวทีเสวนาเรื่อง “The Dynamic Growth in the Global Food Tech Industry” งาน Thailand Focus 2022 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ พร้อมทั้งสัมภาษณ์พิเศษกับ Haslinda Amin - Chief International Correspondent for Southeast Asia ถ่ายทอดสดทั่วโลกทาง Bloomberg TVCEO ซีพีเอฟ กล่าวว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและความสำเร็จของธุรกิจอาหาร บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบดิจิทัล IoT การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เช่น Smart Farm 4.0 ช่วยให้การทำฟาร์มมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น เช่น การใช้ smart silo ที่สามารถรู้ปริมาณอาหารสัตว์ในไซโลและสั่งอาหารมาใส่เพิ่มได้อัตโนมัติ รวมทั้งการพัฒนายีนส์ จะช่วยเพิ่มผลผลิตจากสัตว์ที่มีสุขภาพดีขึ้น เพิ่มความแม่นยำในการผลิต เราเชื่อว่าเทคโนโลยีทันสมัยและนวัตกรรมจะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร

CEO ซีพีเอฟ ยังกล่าวว่า ธุรกิจจะเติบโตและประสบความสำเร็จหากบริษัทสามารถคาดการณ์เทรนด์ของอุตสาหกรรมโลกได้ โดยมองว่า 5 เทรนด์ผู้บริโภคที่มีความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่

1. Health and Wellbeing : ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับการทานอาหารเพื่อสุขภาพ มีคุณค่าโภชนาการ

2. Convenient and Fresh : จากการระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคสนใจความสะดวกที่หาซื้อได้ง่าย และความสดใหม่ของอาหาร

3. Product and Channel Innovation : ผู้บริโภคให้ความสนใจการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ ซึ่งต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และต้องทำได้อย่างรวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลง

4. Premium and Value for Money : ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพพรีเมียม คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย

5. Environmental Sustainability : ผู้บริโภค เน้นอาหารคุณภาพดี ปลอดภัย มาจากกระบวนการผลิตที่ดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมCPF ตระหนักและให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมอาหารต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ผู้บริโภคมาโดยตลอด ตั้งแต่การคิดค้นไก่เบญจา “Benja Chicken” ครั้งแรกของโลกที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง 100% ธรรมชาติ ปลอดสาร ปลอดภัย ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโต และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู ได้รับรองมาตรฐานโดย NSF และเลี้ยงด้วย Superfood ทำให้มีโอเมก้า-3 เป็นอาหารสดรายเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็น “สุดยอดสินค้านวัตกรรมระดับโลก” ในงาน Thaifex 2019 และเป็นเนื้อไก่สดแบรนด์แรกของไทย ที่คว้ารางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ปี 2022 หรือ Superior Taste Award 2022" จากเบลเยี่ยม

นอกจากนี้ ยังมีหมูชีวา (Cheeva Pork) นวัตกรรมเนื้อสัตว์ที่ CPF ใช้เวลา 6 ปี ในการพัฒนาให้มีโอเมก้า-3 สูงกว่าเนื้อหมูทั่วไป ด้วย Superfood ได้แก่ Flaxseed น้ำมันปลา สาหร่ายทะเลลึก คว้ารางวัลชนะเลิศสุดยอดนวัตกรรมอาหาร ในงาน ThaiFex-Anuga Asia 2020

รวมทั้งผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช ภายใต้แบรนด์ Meat Zero โดยพัฒนาและวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ด้วยนวัตกรรม PLANT-TEC เทคนิคการสร้างรสสัมผัสเสมือนเนื้อสัตว์จริง คว้ารางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2022” หรือ Superior Taste Award 2022 ที่เบลเยี่ยม จากสินค้านักเก็ตและไส้เบอร์เกอร์รสกระเทียม ในปีเดียวกัน ยังรับรางวัล "THAIFEX-ANUGA Taste Innovation Show 2022" ในงาน Thaifex-Anuga Asia 2022 พร้อมทั้งรางวัลชนะเลิศ BEST PLANT-BASED BRANDING จาก Root The Future Plant-Based Food Awards 2021 จากผลโหวตของผู้บริโภค รวมทั้งรางวัล "ผู้ส่งออกด้านนวัตกรรมอาหารแห่งปี 2021" (The Export Initiative of the Year - Food) จากเวที The Asian Export Awards 2021 จัดโดย Manufacturing Asia สื่อชั้นนำด้านการส่งออกระดับภูมิภาคเอเชียขณะเดียวกัน ยังมองว่าผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจากการเพาะเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อ (Cell-based meat) จะมาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารโลก บริษัทฯ ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยCEO ซีพีเอฟ ยังกล่าวว่า ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นแหล่งผลิตอาหารที่ดีของโลก สามารถพัฒนาอาหารตอบรับเทรนด์โลกได้ เช่น การวิจัยและพัฒนาอาหารให้เป็นยา เป็นอาหารที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีขึ้น อยู่ได้นานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งศักยภาพด้านเกษตรกรรม ช่วยเสริมขีดความสามารถผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่จากในประเทศ หากไทยสามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการผลิต โดยใช้วัตถุดิบในห่วงโซ่อาหารจากในประเทศได้ทั้งหมด จะเพิ่มขีดความสามารถของประเทศด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหาร นำไปสู่การสร้างมั่นคงทางอาหารให้กับผู้บริโภคคนไทยและทั่วโลกได้