รีเซต

ไขข้อข้องใจทำไมสื่อนอกยก “ลัดดา”สส.สหรัฐฯเลือดไทย อาวุธลับโค่น “ทรัมป์”

ไขข้อข้องใจทำไมสื่อนอกยก “ลัดดา”สส.สหรัฐฯเลือดไทย อาวุธลับโค่น “ทรัมป์”
TNN ช่อง16
3 กรกฎาคม 2563 ( 17:13 )
242
1
ไขข้อข้องใจทำไมสื่อนอกยก “ลัดดา”สส.สหรัฐฯเลือดไทย อาวุธลับโค่น “ทรัมป์”

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา เว็ปไซต์ New York Times ได้มีการเขียนบทวิเคราะห์โดยคอลัมนิสต์ Frank Bruni ที่เขียนพาดหัวเอาไว้เลยว่า “แทมมี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับไบเดน” ในการเลือกมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีกับเขา ในการเลือกตั้งปลายปีนี้ 


การเลือกตั้งปลายปีนี้ นักวิเคราะห์บอกว่า มันไม่ใช่แค่การเลือกตั้งธรรมดา แต่มันจะเป็น “การเลือกตั้งจิตวิญญาณของอเมริกา” และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาควรเลือก “ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ” ส.ว.จากรัฐอิลลินอยส์ 


เพราะเธอเป็นทุกอย่างที่ตรงข้ามกับทรัมป์ คือ มีความเสียสละ , มีเกียรติ และเป็นคนนอบน้อม และที่ผ่านมาก็นับเป็นส.ว.ที่ทิ่มแทงทรัมป์อยู่หลายครา 




ทำไมเธอถึงเป็นตัวเลือกที่ดี? 


เพราะเธอน่าจะเป็น “คู่ปรับ” ที่สมน้ำสมเนื้อกับทรัมป์มากทีเดียว เพราะดักเวิร์ธ เคยเรียกปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า “Cadet Bone Spurs” หรือ นายร้อยกระดูกยื่น ซึ่งเป็นวิธีที่ทรัมป์หลบหนีการเกณฑ์ทหารในสมัยสงครามเวียดนาม ด้วยการอ้างว่าเป็นโรคกระดูกยื่นที่เท้า และบอกว่ามันเจ็บมาก ซึ่งที่ผ่านมาสื่อเคยสัมภาษณ์ว่าเท้าข้างไหน เขากลับจำมันไม่ได้  และว่า “ชายคนนี้เป็นคนที่ชอบบูลลี่คนอื่น และคนประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับยารักษา” 


อีกทั้งในวัย 52 ปี ก็นับว่าเหมาะสม เพราะในเมื่อ โจ ไบเดน อายุ 77 ปี / หากไปเลือก อลิซาเบธ วอร์เรน อายุ 71 ปี ก็จะทำให้กลายเป็นสูงอายุกันจนเกินไป ดังนั้นพรรคเดโมแครต จึงต้องการคนที่สร้าง “ความโมเดิร์น” ให้พรรค มากขึ้น เพราะผู้นำ 2 คนก่อนหน้า ก็ล้วนแล้วแต่ต่ำกว่า 50 ในสมัยแรก 


แท้จริงแล้ว ดักเวิร์ธ ไม่ได้เป็นไอดอลที่เด่นดังจนทำให้เป็นที่จับตามองมาก ๆ แต่ด้วยความที่เธอทำตัว “โลว์โปรไฟล์” มาตลอด กลับจะกลายเป็นประโยชน์สำหรับเธอ เพราะมันทำให้อีกฝั่งจับทางไม่ได้ ตีความไม่ถูกว่าเธอคิดอะไร หรือต้องการอะไร 




เปิดประวัติ ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ


คอลัมนิสต์ New York Times เขียนไว้ว่า เธอเป็นหญิงที่กล้าหาญมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาด้วยความยากจน ขายดอกไม้ข้างถนนที่ฮาวาย แต่ก็สามารถดิ้นรนจนจบปริญญาโทสาขาระหว่างประเทศ ก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ในสงครามอิรัก ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายนักสำหรับสตรี จนกระทั่งในปี 2004 ระหว่างที่บินอยู่ใกล้กับกรุงแบกแดด เครื่องแบล็กฮอล์กของเธอก็ถูกยิงตก เธอสูญเสียขาทั้ง 2 ข้าง และเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ 


เมื่อใดก็ตามที่เธอถูกเรียกว่าเป็นฮีโร่ เธอก็จะตอบพร้อมน้ำตาว่า ผู้ช่วยนักบิน และทหารนายอื่น ๆ ที่ช่วยให้เธอรอดออกมาจากซากนั้นตายต่างหากที่เป็นฮีโร่ และเธอบอกว่า เธอตื่นมาทุกเช้า จะบอกกับตัวเองเสมอว่า เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ ผู้ช่วยนักบินคนนั้น ต้องเสียใจที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ 


หลายคนอาจคิดสงสาร และเทคะแนนให้เธอ เพราะการที่เป็นผู้พิการสูญเสียขา 2 ข้าง แต่ลักษณะทางกายภาพไม่ได้ลดทอนความเป็นมนุษย์และความแข็งแกร่งของหญิงคนนี้ไปแม้แต่น้อย 




ดักเวิร์ธ ในวัย 52 ปี ละกำลังอยู่ในปีที่ 4 ของการเป็นส.ว.รัฐอิลลินอยส์ (ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเป็นส.ส.มา 2 เทอม) ทำให้เธอมีความแตกต่างจากคู่แข่งชิงรองประธานาธิบดีคนอื่นๆ อยู่พอสมควร เพราะมันดูเป็นช่วงจังหวะที่ช่างเหมาะสมกับชีวิตของเธออย่างที่สุด


เกิดที่กรุงเทพ ประเทศไทย และมีคุณพ่อเป็นชาวอเมริกัน ส่วนคุณแม่เป็นคนไทย และหากได้รับเลือก เธอจะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไทย และเอเชีย คนเดียว ที่ตีตั๋วรองประธานาธิบดีเข้าชิงชัยการเลือกตั้งปลายปีนี่ได้ 


อีกทั้งเธอยังเป็น ส.ว.คนแรกของสหรัฐฯ ที่คลอดบุตรระหว่างดำรงตำแนหน่ง และยังพาลูกมายังที่ประชุมวุฒิสภาด้วย 


ดักเวิร์ธ นับว่าเป็นหญิงแกร่ง ขยันทำงาน และยังเป็นคุณแม่ลูก 2 ด้วย  มีครบคุณสมบัติในการเป็นคู่ชิงรองปธน. เพราะเป็นบุคคลที่สามารถผสมผสานความเชื่อมั่น ความสุภาพ ความแข็งแกร่ง และความอบอุ่น เอาไว้ได้ด้วยกัน นั่นคือยาชูกำลังที่แสนชื่นใจในภาวะเช่นนี้ 


เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline


ข่าวที่เกี่ยวข้อง