สายด่วน 1330 เข้าภาวะปกติ สปสช.ชี้ความร่วมมือ-เจอแจกจบ ลดผู้ติดเชื้อโควิดตกค้าง
วันนี้ (18 มีนาคม 2565) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงสถานการณ์การติดต่อผ่านสายด่วน 1330 ซึ่งก่อนหน้านี้ประชาชนประสบปัญหาโทรศัพท์ไม่ติด หรือไม่มีคนรับสาย (Abandon Call) เนื่องจากมีปริมาณการโทรเข้าพร้อมกันจำนวนมาก สูงสุดถึงกว่า 70,000 สายต่อวัน อันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ก่อนหน้านี้ ประชาชนที่ต้องการโทรฯเข้าไปติดต่อเกี่ยวกับสิทธิบัตรทอง สอบถามข้อมูล หรือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องการลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation บางส่วนไม่สามารถติดต่อได้ ขณะนี้ปริมาณ Abandon Call ได้ลดลงเหลือ ร้อยละ 0 แล้ว
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ Abandon Call ทยอยเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนเกินร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ และมีจุดสูงสุด (พีค) ที่ ร้อยละ 57.49 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ สาเหตุนอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแล้วกว่าร้อยละ 50 ที่โทรฯ เข้าไป มาจากผู้ที่ลงทะเบียนเข้าระบบ Hl แล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหน่วยบริการ จึงเกิดความกังวลและโทรฯกลับเข้าไปเพื่อสอบถามความคืบหน้า
“อย่างไรก็ดี สปสช.ได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่จิตอาสาในการตอบโทรศัพท์ รับการสนับสนุน Call Center จากหน่วยงานอื่นๆเข้ามาช่วยรับสาย ประชาสัมพันธ์ให้แจ้งข้อมูลผ่านช่องทาง Non-voive เช่น ไลน์ออฟฟิศเชียล @nhso รวมถึงนโยบายใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ปรับเป็นการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก และแยกกักตัวที่บ้าน หรือ เจอ แจก จบ ดังนั้นสถานการณ์สาย Abandon Call จึงมีสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ มาอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม และเหลือ ร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา” นพ.จเด็จ กล่าว
เลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงการลดจำนวน Abandon Call ว่า ต้องขอบคุณความร่วมมือร่วมใจจากหลายภาคส่วนที่สนับสนุนทั้งบุคลากร และ capacity มาช่วยสายด่วน 1330 อาทิ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี, พระพุทธบาท และสระบุรี ฝ่ายทหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และกลุ่มจิตอาสากลุ่มต่างๆ ที่ช่วยตอบโทรศัพท์และตอบไลน์แชท จนลด Abandon Call เหลือร้อยละ 0 สามารถให้บริการประชาชนและตอบสนองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างทันสถานการณ์
“จากการปรับแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อใหม่แนวทางใหม่ของ สธ. ทั้งแนวทางผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านหรือ เจอ แจก จบ และการปรับยูเซ็ป (UCEP) โควิด เป็นยูเซ็ป พลัส (UCEP Plus) คือ ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง เข้าเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินที่ใช้สิทธิยูเซ็ป หรือรักษาเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ทุกที่ สำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่เป็นกลุ่มไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย เข้ารักษาตามแนวทางเจอ แจก จบ ขณะนี้ สปสช.ได้ปรับบทบาทสายด่วน 1330 ไม่ได้รับลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบ HI สำหรับผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษาแล้ว แต่จะทำหน้าที่คัดกรองอาการ หากเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยงคือ กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, หัวใจและหลอดเลือด, ไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม, มะเร็ง, เบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป) คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง กรณีเป็นสิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือสิทธิ สปสช. และสิทธิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สปสช.จะลงทะเบียนเพื่อจับคู่สถานพยาบาลเข้าระบบการรักษาที่บ้านต่อไป” นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ส่วนสิทธิอื่นติดต่อสายด่วนของแต่ละสิทธิ หรือสถานพยาบาลประจำของตน กรณีไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แนะนำให้ไปรักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิรักษาของตนเอง เพื่อเข้ารักษาตามแนวทาง เจอ แจก จบ ต่อไป
“โดยการใช้สิทธิมีดังนี้ สิทธิบัตรทอง 30 บาท นอกจากไปที่สถานพยาบาลประจำที่ท่านลงทะเบียนไว้ ยังไปที่หน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ (ไม่ใช้ใบส่งตัว) หน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล (รพ.), ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น สิทธิประกันสังคม ไปรักษา รพ.ที่ลงทะเบียนไว้ รวมถึงสถานพยาบาลรัฐและเอกชนในระบบประกันสังคมทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติมสายด่วนประกันสังคม 1506 และสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ไปรักษาได้ที่สถานพยาบาลรัฐทุกแห่ง ติดต่อสายด่วนกรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 วันและเวลาราชการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso