เปิด 5 เรื่อง รัฐฯ ผ่อนผันให้ "สนามบินอู่ตะเภา" เดินต่อได้
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (กพอ.) โดยมติ ครม. เมื่อ 30 ต.ค.61 มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันอก (สกพอ.) ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด ในรูปแบบ PPP Net Cost และในช่วงปี 2564-2565 เอกชนคู่สัญญา ขอใช้สิทธิผ่อนผันตามข้อ 13 ของสัญญาร่วมลงทุน จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ รวมถึงกรณีเกิดโรคระบาด ที่กระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือร่วมกัน เพื่อพิจารณาเหตุผ่อนผัน รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาและสามารถหาข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้
1. การร่วมกันผลักดันการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Airport City)
เห็นควรผลักดันให้มีการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางที่มีคุณภาพ และมีความสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการเดินทางให้สูงขึ้นได้โดยเร็ว โดยเห็นควรให้เอกชนเพิ่มการลงทุนจากเดิมประมาณ 4,500 ล้านบาท เป็นประมาณ 40,000 ล้านบาท และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ กรรมสิทธิ์ในงานพัฒนาเมืองการบินฯ ทั้งหมดจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ
2. สกพอ. จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด ในการสนับสนุนเอกชนคู่สัญญาแก้ไขปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
3. การปรับหลักเกณฑ์การพัฒนางานหลักของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
คู่สัญญาตกลงปรับระยะการพัฒนางานหลักของสนามบินอู่ตะเภา เช่น อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ศูนย์การขนส่งภาคพื้น การให้บริการภาคพื้นดิน เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารของแต่ละระยะ สอดคล้องกับประมาณการผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไป
4. ปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ของเอกชนคู่สัญญา
คู่สัญญา ตกลงให้ปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ของเอกชนคู่สัญญาในช่วงเวลาตามเงื่อนไข โดยจัดลำดับรายการที่เอกชนคู่สัญญาต้องชำระ ทำให้เอกชนคู่สัญญาสามารถชำระรายได้ของรัฐได้อย่างเหมาะสม เป็นธรรม
5. การเลื่อนวันเริ่มนับระยะเวลาให้บริการและบำรุงรักษาโครงการฯ
หากมีการก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ แต่ปริมาณผู้โดยสารมีไม่ถึง 5.6 ล้านคน/ปี ให้เลื่อนการเริ่มนับระยะเวลาปีที่ 1 ในปีที่มีปริมาณผู้โดยสารต่อปี จำนวน 5.6 ล้านคน โดยช่วงเวลาที่ยังไม่มีการเริ่มนับปีที่ 1 นั้น ให้เอกชนคู่สัญญาชำระค่าตอบแทนรัฐ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเยียวยาผลกระทบตามหลักการแก้ไขปัญหาข้างต้นว่า นอกจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการลงทุนในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาในระยะที่ปริมาณผู้โดยสารยังได้รับผลกระทบแล้ว ยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้เอกชนคู่สัญญาสามารถดำเนินโครงการฯ ได้โดยที่รัฐยังได้รับชำระส่วนที่เป็นรายได้ของรัฐตามจำนวนเดิม พร้อมค่าเสียโอกาส
ที่มาภาพ : TNN ONLINE
ที่มาข้อมูล : TNN