ทดสอบต้นแบบเฮลิคอปเตอร์ Defiant รุ่นใหม่บินระยะไกล 1,300 กิโลเมตร
ปัจจุบันเทคโนโลยีเฮลิคอปเตอร์ด้านการทหารกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพในการบินที่รวดเร็วและเพิ่มความอยู่รอดในการทำภารกิจ ล่าสุดบริษัท Lockheed Martin บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีด้านการทหารร่วมมือกับบริษัท Sikorsky และบริษัท Boeing ทำการทดสอบต้นแบบเฮลิคอปเตอร์ Defiant รุ่นใหม่ล่าสุดสามารถทำการบินระยะไกล 1,300 กิโลเมตร
การทดสอบมีขึ้นในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดประจำปีของสมาคมการบินกองทัพสหรัฐอเมริกาเพื่อประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบินของทหาร และเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงเทคโนโลยีเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่ของบริษัท
นักบินเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท Boeing คือ Bill Fell และ Ed Henderscheid ทำหน้าที่ควบคุมเฮลิคอปเตอร์เดินทางจากเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ไปยังเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ตอนกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ทำความเร็วในขณะบินประมาณ 460 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เฮลิคอปเตอร์ Defiant หรือ Defiant X ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถจู่โจมระยะไกลของกองทัพสหรัฐอเมริกา (FLRAA) สามารถบินในระดับความสูงที่ต่ำแต่มีความรวดเร็วสูง เฮลิคอปเตอร์ Defiant สามารถบินขึ้นและลงจอดด้วยความรวดเร็ว ขนส่งทหารและหน่วยรบพิเศษลงสู่พื้นที่เป้าหมาย บริษัทอธิบายว่าเฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวสามารถบินด้วยความเร็วประมาณ 2 เท่าของความเร็วสูงสุดที่เฮลิคอปเตอร์ Blackhawk สามารถทำได้
ความเร็วในการบินของเฮลิคอปเตอร์ Defiant มาจากการใช้ระบบใบพัดคู่แกนร่วม (Coaxial Rotors) หรือการใช้ใบพัด 2 ชั้น ซ้อนทับและหมุนแบบสวนทางกัน วิธีการดังกล่าวนี้ทำให้เฮลิคอปเตอร์สามารถตรงตัวและบินอยู่บนอากาศได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบพัดส่วนท้ายช่วยประคองตัวเครื่องไม่ให้หมุนเคว้งในอากาศ อย่างไรก็ตามเฮลิคอปเตอร์ Defiant ยังคงมีการติดตั้งใบพัดส่วนท้ายแต่ใช้ทำหน้าที่สร้างแรงผลักและทำให้เฮลิคอปเตอร์บินได้เร็วกว่ารุ่นอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้ในปี 2020 เฮลิคอปเตอร์ต้นแบบของบริษัทอีกรุ่นชื่อว่า SB-1 สามารถบินด้วยความเร็วสูงสุด 375 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาแล้ว นอกจากเฮลิคอปเตอร์ Defiant หรือ Defiant X บริษัทยังมีแผนการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์อีกหนึ่งรุ่นชื่อว่า Raider X เพื่อวัตถุประสงค์ใช้เป็นเฮลิคอปเตอร์แบบโจมตีติดตั้งอาวุธ ปัจจุบันทั้งเฮลิคอปเตอร์ Defiant หรือ Defiant X และเฮลิคอปเตอร์ Raider X ยังไม่ถูกนำเข้ามาประจำการในกองทัพสหรัฐอเมริกาและอยู่ในช่วงของการวิจัยพัฒนาอีกระยะและคาดว่าจะสามารถเข้าประจำการในช่วงปี 2030-2035
ที่มาของข้อมูล newatlas.com
ที่มาของรูปภาพ lockheedmartin.com