รีเซต

"อนุทิน" มอบ รพ.ราชวิถี วางต้นแบบ "ฮอทปิเทล" รองรับโควิด-19 ทั่วประเทศ

"อนุทิน" มอบ รพ.ราชวิถี วางต้นแบบ "ฮอทปิเทล" รองรับโควิด-19 ทั่วประเทศ
มติชน
3 เมษายน 2563 ( 18:42 )
131
"อนุทิน" มอบ รพ.ราชวิถี วางต้นแบบ "ฮอทปิเทล" รองรับโควิด-19 ทั่วประเทศ

“อนุทิน” มอบ รพ.ราชวิถี วางต้นแบบ “ฮอทปิเทล” รองรับโควิด-19 ทั่วประเทศ

กระทรวงสาธารณสุข – เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่โรงพยาบาล (รพ.) ราชวิถี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. ได้นำ นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ตรวจเยี่ยมห้องคัดกรองและตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 โดยการสนับสนุนของมูลนิธิเอสซีจี เป็นห้องควบคุมความดัน ระบบปิด มีความปลอดภัยในการตรวจเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์และลดความแออัดในการจัดการผู้ป่วย พร้อมเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ด้านการรักษาพยาบาล ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายมีตัวเลขที่สูงขึ้น สธ.ได้มอบหมายให้ รพ.ราชวิถี วางแผนบริหารจัดการโรงพยาบาล และฮอทปิเทล (Hospitel) เพื่อดูแลผู้ป่วยทั้งระบบ จากการตรวจเยี่ยมพบว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีจำนวนเตียงในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1,551 เตียง จาก 86 โรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานครมั่นใจว่าเพียงพอรองรับผู้ป่วย อีกทั้ง ยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมเข้ามาร่วมดูแลผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าสังเกตอาการเพิ่มอีกกว่า 200 เตียง จากก่อนหน้านี้ที่มีกว่า 400 ห้องพัก ทำให้มั่นใจว่าระบบการบริหารจัดการเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยในกรุงเทพฯ จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดจัดตั้งโรงพยาบาลกลางประจำจังหวัดรักษาเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 ตามรูปแบบของ รพ.ราชวิถี ดูแลบริหารจัดการทรัพยากรเครือข่ายการรักษาเช่นเดียวกับพื้นที่กรุงเทพฯ เน้นจังหวัดที่มีอัตราผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูง

“ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้กล่าวยืนยันมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ รวมทั้งการที่รัฐบาลออกประกาศควบคุมเวลาการออกจากเคหะสถานเพื่อหวังลดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น ลดการประชุม การห้ามเดินทางเข้าออกในแต่ละจังหวัด ลดจำนวนผู้เดินทางที่มาจากต่างประเทศชะลอการเดินทางจากประเทศที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งไม่ให้มีการแอบรวมกลุ่มจัดงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อที่อาจทำให้ตัวเลขยังคงเพิ่มสูงขึ้นได้อีก เพราะการพบผู้ป่วยที่ยังคงเพิ่มขึ้นสาเหตุใหญ่ยังมาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งหากเว้นระยะห่างกันได้อย่างเข้มงวด จะช่วยให้การควบคุมการระบาดทำได้ดีขึ้น” นายอนุทิน กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง