รีเซต

Jitta Ranking โชว์หุ้นเวียดนาม ให้ผลตอบแทน 1 ปี 102%

Jitta Ranking โชว์หุ้นเวียดนาม ให้ผลตอบแทน 1 ปี 102%
TNN Wealth
8 กันยายน 2564 ( 23:15 )
59

ข่าววันนี้ ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดให้บริการกองทุนส่วนบุคคลพร้อมอำนวยความสะดวกนักลงทุนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก มีการทบทวนการลงทุนอัตโนมัตให้แก่นักลงทุน โดยปัจจุบันให้บริการการลงทุนผ่าน 3 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ Jitta Ranking, Global ETF และ Thematic 

 


ทั้งนี้ Jitta Ranking ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นรายตัวทั้งในไทย สหรัฐฯ เทคโนโลยีของสหรัฐฯ จีน และเวียดนาม ใช้เทคโนโลยี AI จัดอันดับหุ้นดีราคาถูกนั้น พิสูจน์ให้เห็นว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ถึง 31 ส.ค. 2564 และย้อนหลัง 1 ปี) ผลงานที่ดีที่สุดเป็นของ Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ทำผลงานรอบ 1 ปีได้ 102.62% และ YTD 51.63%

 


ตามมาด้วย Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ มีผลงานในรอบ 1 ปี 56.23% และ YTD 38.66% Jitta Ranking หุ้นไทย ในรอบ 1 ปีได้ 41.57% และ YTD 31.53% Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ รอบ 1 ปี 34.99% และ YTD 19.66% และ Jitta Ranking จีน ที่เปิดตัวเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2564 มีผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้ง 5.61% 

 


แม้จะมีปัจจัยลบจากการคุมเข้มในธุรกิจบางประเภทของทางการจีนก็ตามทางด้าน Global ETF ซึ่งได้จัดพอร์ตในสินทรัพย์ระดับท็อปของทุกมุมโลก และกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ และพันธบัตรรัฐบาล ตามทฤษฎีจัดพอร์ตรางวัลโนเบล Modern Portfolio Theory สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในรอบ 1 ปี 27.05% และ YTD ได้ 18.07% 

 


ทั้งนี้ ได้แบ่งการลงทุน Global ETF ออกเป็น 3 แผนคือ แผนพอเพียง แผนสมดุล และแผนเติบโต เพื่อให้สอดคล้องตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้

 


สำหรับ Thematic ซึ่งเปิดบริการเมื่อปลายปี 63 ประกอบไปด้วย 16 ธีม ที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในธีมธุรกิจเมกะเทรนด์โลกผ่าน ETF ได้สูงสุดพอร์ตละ 5 ธีม โดยธีมที่ให้ผลตอบแทน YTD สูงสุดคือ ตลาดหุ้นอินเดีย (EPI) 25.79% และต่ำสุด คือเทคโนโลยีจีน (CQQQ) -13.81% 

 


โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เลือกลงทุน 2-3 ธีม ตามความชื่นชอบ ซึ่ง Jitta Wealth ได้ช่วยบริหารจัดการลงทุนและปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้จากต้นปีพอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11.38%

 


อย่างไรก็ตาม ด้วยวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้การลงทุนในประเทศไทยซบเซา แม้ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งก็ตาม ทำให้ที่ผ่านมานักลงทุนไทยได้ออกไปแสวงหาผลตอบแทนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากข้อมูล มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่าคนไทยที่นำเงินไปซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF ล่าสุด  ตัวเลขพุ่งขึ้นไป 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากตลาดการลงทุนในต่างประเทศน่าสนใจ มีหุ้นเมกะเทรนด์ และหุ้นเศรษฐกิจสมัยใหม่ ให้เลือกลงทุน


.

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง