"คนละครึ่ง" เริ่มได้ทันทีใน 2 สัปดาห์ หลังแถลงนโนบาย ลุ้นเพิ่มวงเงินเป็น 200 บาทต่อวัน

"คนละครึ่ง" เริ่มได้ทันทีใน 2 สัปดาห์ หลังแถลงนโนบาย งบพร้อมใช้จากคลัง 2.5 หมื่นล้าน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ "คนละครึ่ง" ว่า หากภายในเดือนกันยายนนี้ได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่จะสามารถเดินหน้าโครงการได้ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งกระทรวงคลังมีงบประมาณเบื้องต้น 25,000 ล้านบาทเตรียมไว้แล้ว โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังจัดหาข้อมูลเพิ่มเติมและแหล่งเงินใหม่เพื่อเสริมงบประมาณให้โครงการ

อย่างไรก็ดี ต้องรอดูว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะมีการแถลงนโยบายได้เมื่อไร เนื่องจากความเร็วในการแถลงนโยบายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ด้วย

หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ถ้าแถลงนโยบายแล้ว สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ภายในปีงบประมาณ 68 นี้ น่าจะลองดูไม่เกินเพิ่มเติมได้ เพราะปีงบฯ 68 จบ 30 ก.ย. 68 หลังจากนั้น ก็ต้องไปใช้งบฯ ปี 69 โดยงบ 2.5 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นงบฯ ที่กระทรวงการคลังเก็บไว้ เพราะงบกระตุ้นเศรษฐกิจเอาไปใส่ในงบกลางแล้ว ซึ่งถ้าครม. เข้ามาทันก็น่าจะนำงบมาใช้ได้"

สำหรับเงื่อนไขใหม่ ๆ ที่จะคาดว่าจะได้เห็นในการทำโครงการ "คนละครึ่ง" นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ประเด็นที่ได้ฟังเสียงจากกรรมการบริหารพรรค สส. ในพรรคสะท้อน คือช่วงแรกตอนเริ่มโครงการ มีเรื่องความล่าช้าของการโอนเงิน หรือกลุ่มของคนที่จะใช้สิทธิ์ จึงอยากขยายให้กว้างขึ้น เช่น รอบที่แล้วเริ่มต้นอายุ 18 ปี หรือกลุ่มเปราะบางที่มีบัตรสวัสดิการ ไม่มีสิทธิ์ได้ เป็นต้น รวมถึงการขยายสิทธิ์ไปยังกลุ่มผู้เสียภาษี 11 ล้านคนตามแนวคิด 60:40 เพื่อจูงใจให้เข้าสู่ระบบภาษี

ในส่วนของกลุ่มร้านค้า นายสิริพงศ์ยืนยันว่า หากร้านค้าเข้าร่วมโครงการจะไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลังอย่างแน่นอน และหากไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งในครั้งนี้ร้านที่จด VAT จะสามารถรับได้หรือไม่ และควรเป็นร้านแบบไหน ต้องพิจารณาเพิ่ม

สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ ของโครงการ ทีมเศรษฐกิจอยู่ระหว่างพิจารณา เช่น การเพิ่มวงเงินต่อวันจาก 150 บาทเป็น 200 บาท รวมถึงการควบคุมราคาสินค้าและการลดค่า GP ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้วย และในเรื่องของกรอบระยะเวลาของโครงการด้วย

ในส่วนข้อห้ามของการใช้สิทธิ์ น่าจะยังคงเป็นไปตามเดิม เช่น ห้ามซื้อสุรา บุหรี่ สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือห้ามจ่ายค่าบริการ ส่วนจะมีการควบคุมสินค้าเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะนี้ทางทีมเศรษฐกิจอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติม

นายสิริพงศ์ ย้ำว่า หากโครงการสามารถเริ่มต้นได้ตามกรอบเวลาที่วางไว้ จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศโดยตรง เพราะเงินสิทธิ์จะถูกนำไปใช้จ่ายจริง

ปลัดคลัง ชี้เงื่อนไขใหม่ “คนละครึ่ง” 60:40 ครอบคลุมผู้ยื่นภาษี 11 ล้านคน รอลุ้นเพิ่มวงเงินใช้จ่าย

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุถึงเงื่อนไขของโครงการ “คนละครึ่ง” ที่จะให้สิทธิกับผู้ที่อยู่ในระบบภาษีแบบ 60:40 โดยรัฐช่วยอุดหนุน 60% และประชาชนผู้เสียภาษีจ่าย 40% ว่า ได้มีการหารือถึงแนวทางของโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจากความหมายของแนวคิดดังกล่าว เข้าใจว่าไม่ได้ให้สิทธิเฉพาะผู้ที่เสียภาษีเงินได้ 4 ล้านคนเท่านั้น แต่จะรวมถึงผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษี ซึ่งถือว่าอยู่ในระบบภาษีจำนวน 11 ล้านคนด้วย

ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี รวมถึงผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ 50:50 โดยรัฐช่วยอุดหนุน 50% และประชาชนจ่าย 50% ขณะที่เงื่อนไขของโครงการคนละครึ่งรอบใหม่นี้ เชื่อว่าประมาณ 80-90% จะมีเงื่อนไขคล้ายกับเฟสก่อนหน้าที่เคยดำเนินการไปแล้ว

ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า เงื่อนไขเบื้องต้นของโครงการครั้งนี้ จะคล้าย ๆ ของเดิมที่เคยดำเนินการไปแล้ว แต่อาจมีปรับเงื่อนไขใหม่บางเรื่อง เพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น เงื่อนไข 60:40 และ 50:50 ตรงนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ ส่วนเรื่องวงเงินการใช้จ่าย จะเป็น 150 บาท/วันหรือไม่นั้น ยังเป็นรายละเอียดที่ต้องหารือกันต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบนโยบายของรัฐบาล แต่ยืนยันว่าหลักเกณฑ์จะคล้ายเดิมมากที่สุด 80-90%

พร้อมกันนี้ คาดการณ์ว่าหากสามารถเริ่มโครงการได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.68 เป็นต้นไป ก็จะใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ในส่วนของงบกลาง ซึ่งมาจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาทมาดำเนินการได้ แต่หากมีความจำเป็นต้องทำให้โครงการใหญ่กว่านี้ ก็อาจจะต้องเกลี่ยงบกลาง รายการอื่นมาเพิ่มเติม