EASTมั่นใจสินเชื่อไตรมาส3โต พาร์ตเนอร์ญี่ปุ่นหนุนต้นทุนต่ำ

#EAST #ทันหุ้น – EAST เผยแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 3/2568 มียอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นกว่าไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 200-300 ล้านบาทต่อเดือน จากการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Itochu Corporation กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ทำให้มีเงินทุนมากขึ้นและสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบนได้ มั่นใจปี 2568 พอร์ตสินเชื่อรวมจะขยายตัวแตะ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ยังได้รับอานิสงส์จากทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาลง

นายดนุชา  วีระพงษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ EAST ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง และสินเชื่อให้เงินกู้แก่ผู้ประกอบการซื้อรถยนต์ เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 เนื่องจากราคารถมือสองลงมาค่อนข้างพอสมควร ทำให้ตลาดค่อนข้างคึกคัก

โดยบริษัทมียอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นประมาณ 30% QoQ ปัจจุบันปล่อยสินเชื่อเพิ่มเป็น 200-300 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมที่ปล่อยประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงไตรมาส 1-2/2568

@ฐานเงินทุนแข็งแกร่ง

ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของยอดปล่อยสินเชื่อสวนทางกับตลาดที่ปล่อยสินเชื่อรถยนต์เป็นเรื่องยาก เนื่องจากบริษัทได้เงินทุนมาขยายสินเชื่อและพัฒนาระบบ จากการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Itochu Corporation กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนถือหุ้นประมาณ 25% โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 540 ล้านบาท

 ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง สามารถแข่งขันได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตลาดบน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ดังนั้นบริษัทจึงมั่นใจเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในปี 2568 ยังคงเติบโตประมาณ 30% YoY พอร์ตสินเชื่อรวมจะขยายตัวแตะ 7,000 ล้านบาท

ทั้งนี้สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อของบริษัทปัจจุบันเป็นมอเตอร์ไซค์มือสอง 50% โดยเน้นที่ บิ๊กไบค์ ซึ่งมีมูลค่าลูกหนี้ขั้นต่ำ 100,000 บาท และเป็นรถยนต์มือสอง 50%

@รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง

ในส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง จะเป็นผลดีกับบริษัท เพราะว่าจะทำให้ไฟแนนซ์และธนาคารมีส่วนต่างที่กว้างขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์มือสองในปัจจุบันค่อนข้างสูง และผู้ให้สินเชื่อไม่ได้ลดดอกเบี้ยตาม ขณะที่แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ประมาณ 7-8% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และบริษัทควบคุมลูกหนี้ใหม่ให้เป็นลูกหนี้ที่มีคุณภาพดีขึ้น

อย่างไรก็ดีบริษัทจะลงทุนในระบบออนไลน์ โดยจะเริ่มลงทุนในปี 2569 คาดจะใช้เกือบ 100 ล้านบาท ในการทำระบบ สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทที่คนรุ่นใหม่ที่มีอายุประมาณ 25-40 ปี ด้วยการตั้งเป้าไว้ภายใน 3 ปีข้างหน้า (ตั้งแต่ปี 2568-2570) พอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2572 โดยจะมีสัดส่วนเป็นออนไลน์ประมาณ 40% และเป็นสาขาอีก 60%

                สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ของบริษัทและบริษัทร่วมทุน มีกำไรสุทธิ 31.16 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 20.45 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 10.71 ล้านบาท คิดเป็น 52.37 % ของงวดเดียวกันของปีก่อน  ส่วนรายได้ร่วมงวดโตรมาส 2/2568 มีจำนวน 173.43 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดโตรมาส 2/2567 มีจำนวน 185.62 ล้านบาท รายได้รวมลดลง 12.19 ล้านบาท สาเหตุจากรายได้อื่นๆ ลดลง 12.46 ล้านบาท เนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายหนี้