หนุ่มก่อสร้างรั้นกักตัว กลับบุรีรัมย์ แถมติดโควิด ทำโรงเรียนต้องสั่งปิดทีเดียว 5 ที่

หนุ่มก่อสร้างรั้นกักตัว กลับบุรีรัมย์ แถมติดโควิด ทำโรงเรียนต้องสั่งปิดทีเดียว 5 ที่ คนในครอบครัว ข้างบ้านก็ติดไปด้วย สั่งดำเนินคดี

วันที่ 1 ก.ค.64 นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และ นพ.พิเชษฐ พืชขุดทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์

นายธัชกร กล่าวว่า จากเหตุการณ์การระบาดในแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่กระจายไปในหลายแห่งในเขต กทม.และปริมณฑล ซึ่ง ศบค.ได้ประกาศกำหนดปิดแคมป์ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.เป็นต้นไป ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรคฯ เป็นบริเวณกว้าง ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้มีมติจัดเตรียมพื้นที่กักกันโรคของรัฐในระดับจังหวัด/อำเภอ (Local Quarantine) ในท้องที่ที่อำเภอกำหนด เพื่อรองรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่อาจเกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรงเป็นบริเวณกว้าง

จากข้อมูลการเฝ้าระวัง พบว่าขณะนี้มีประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม และพื้นที่สีแดง ได้กักกันตัวในพื้นที่กักกันโรคของรัฐในระดับจังหวัด/อำเภอ (Local Quarantine) ในท้องที่ที่อำเภอกำหนด จำนวน 654 ราย กักกันตัวอยู่ที่บ้าน จำนวน 20,635 ราย (เฝ้าระวังยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 641 ราย) แต่ยังคงพบเหตุการณ์มีผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่พบการระบาดของโรค โดยไม่ผ่านการกันกันตัวตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ที่กำหนด

ด้าน นพ.พิเชษฐ กล่าวว่า จากกรณีของหนุ่มก่อสร้างวัย 41 ปี ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้วไม่แจ้ง ไม่ตรวจ ไม่กักตัว ทำให้เกิดปัญหา Super spreader หรือเป็นบุคคลที่เสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ ทำให้โรงเรียน 5 แห่งในจังหวัดต้องสั่งปิดเรียนกะทันหัน ทั้งนี้จากการค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมในครอบครัวและชุมชน พบว่ามีผู้สัมผัสเพิ่มเติมรวมจำนวน 9 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดภายในครอบครัว 6 ราย (ได้รับวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ครบตามจำนวนแล้ว 2 ราย)

และผู้สัมผัสที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีก 3 ราย ขณะนี้ผู้สัมผัสทุกรายอยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ป้องกันควบคุมโรคฯ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขณะที่ทั้งจังหวัดมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 จำนวน 304 ราย อยู่ระหว่างรักษา 75 ราย หายป่วยและกลับบ้านแล้ว 226 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย

ด้าน พล.ต.ต.รุทธพล กล่าวว่า จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยรายนี้มีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่ง ก็มีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานและไม่ปฏิบัติตามประกาศโรคติดต่อ มีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งก็ได้แจ้งให้ผู้ป่วยรายดังกล่าวทราบแล้ว ทั้งนี้ยังได้แจ้งเตือนไปยังผู้ที่จะเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสีแดง หรือแดงเข้ม 15 จังหวัดตามประกาศ จะต้องรายงานตัวและกักตัวตามประกาศ หากฝ่าฝืนก็จะมีโทษตามกฎหมายเช่นกัน