โฆษก ศบค.ชี้ "โควิด-19" คร่า 3 ชีวิต ก่อนตายอาการวิกฤตทุกราย
โฆษก ศบค.ชี้ “โควิด-19” คร่า 3 ชีวิต ก่อนตายอาการวิกฤตทุกราย
โควิด-19 เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยระหว่างแถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19
ว่า ในวันนี้ประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 3 ราย ทำให้ขระนี้ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สะสม 38 ราย ได้แก่
รายที่ 1 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 36 ชายไทย อายุ 74 ปี มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง มีประวัติไปสถานที่ชุมชนคือตลาดนัด รวมถึงมีการรวมกลุ่มกันกับบุคคลในบ้าน เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผู้ป่วยมีอาการป่วยด้วยอาการไข้ จึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (รพ.) แห่งหนึ่งของ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 เมษายน เริ่มมีอาการไข้สูง 39.4 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการปวดเสียดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหารในส่วนต้น เมื่อวันที่ 8 เมษายน ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากนั้นอาการทรุดตัวลง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 เมษายน
รายที่ 2 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 37 ผู้ป่วยหญิงอายุ 65 ปี มีโรคประจำตัว คือ โรคอ้วนและไขมันในเลือดสูง เมื่อวันที่ 20-26 มีนาคม มีประวัติเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 27-31 มีนาคม เริ่มมีอาการไข้ ไอ เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้เข้ารับการตรวจรักษาที่ รพ.ชุมพร ได้รับยากลับไปรับประทานที่บ้าน เมื่อวันที่ 2 เมษายน มีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น
“แสดงให้เห็นถึงการไปพบแพทย์ที่ช้าเกินไป และเริ่มมีระดับความรู้สึกตัวลดลงแพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากนั้นอาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 เมษายน” โฆษก ศบค. กล่าว
รายที่ 3 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 38 ชายไทย อายุ 44 ปี เมื่อวันที่ 28 มีนาคม รับส่งตัวมาจาก รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง โดยอาการแรกรับมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง แพทย์จึงทำการรักษาด้วยการใช้ยาหลายขนาน และพยายามที่จะดูแลทุกระบบของร่างกาย แต่พบว่าระบบของร่างกายหลายส่วนล้มเหลว จึงทำการล้างไตหลายครั้งแต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เมษายน เวลา 07.00 น.