ผู้เชี่ยวชาญเผยเวเนซุเอลาไม่ได้รับผลกระทบด้านน้ำมัน กรณีสหรัฐฯ ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมัน

ปริมาณและราคาน้ำมันในตลาดภายในประเทศของเวเนซุเอลา ยังไม่แสดงความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการที่สหรัฐฯ ยกระดับการปิดล้อมน้ำมันต่อเวเนซุเอลาให้เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยภายในระยะเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ สหรัฐฯได้เพิ่มความเข้มข้นของการปิดล้อมน้ำมันต่อเวเนซุเอลา ด้วยการสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันหลายลำในน่านน้ำสากลใกล้กับประเทศในลาตินอเมริกาแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักภายในเวเนซุเอลา ที่สถานีบริการน้ำมันในกรุงการากัส ไม่พบการแห่ซื้อน้ำมันหรือการต่อแถวยาว

โฆเซ บียาร์โรเอล ชาวท้องถิ่นกล่าวว่า “พวกเราคุ้นเคยกับมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศอื่น ๆ อย่างสหรัฐฯอยู่แล้ว พวกเราเป็นชาวเวเนซุเอลา และเราผ่านมันมาได้เสมอ อย่างน้อยสำหรับเขาไม่ได้กลัวเลย แม้จะเป็นการปิดล้อมทางทะเล ไม่ว่าจะเจออะไร เราก็จะหาทางผ่านมันไปได้” 

ขณะที่ ราอูล ฟวนเต ชาวท้องถิ่นอีกคนกล่าวว่า“ในตอนนี้ ราคาค่อนข้างคงที่ ไม่มีความผันผวนมากนัก สหรัฐฯพยายามควบคุมตลาด แต่พวกเขาทำไม่ได้ ดังนั้นจึงพยายามใช้วิธีการที่ไม่ตรงไปตรงมา ซึ่งในความเห็นของเขาแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการยั่วยุ เขาหวังว่าสถานการณ์จะไม่บานปลาย” 

ผู้เชี่ยวชาญชาวเวเนซุเอลาบางรายเชื่อว่า การปิดล้อมน้ำมันของเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯอาจกลับส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานของสหรัฐฯ เองมากกว่า เนื่องจากโครงสร้างสมดุลด้านพลังงานของสหรัฐฯ พึ่งพาการจัดหาน้ำมันจากเวเนซุเอลามาเป็นเวลานาน และทั้งสองฝ่ายได้พัฒนาเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด

มิเกล ไฆเมส ผู้เชี่ยวชาญด้านปิโตรเลียมของเวเนซุเอลากล่าวว่า “สถานการณ์ในปัจจุบันสะท้อนประเด็นสำคัญ นั่นคือสหรัฐฯเองกำลังเผชิญวิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เวเนซุเอลามีความสัมพันธ์ทางการทูต มีมิตรประเทศ มีข้อตกลง และมีประสบการณ์ แรงกดดันที่เวเนซุเอลาเผชิญไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ยืดเยื้อมานานกว่าทศวรรษแล้ว และประเทศก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้” 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งการให้มี “การปิดล้อมอย่างสิ้นเชิงและสมบูรณ์” ต่อเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตร ซึ่งเข้าออกเวเนซุเอลา พร้อมประกาศว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ถูกกำหนดให้เป็น “องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ”

ด้านเวเนซุเอลาได้กล่าวหาว่าสหรัฐฯ พยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองและขยายอิทธิพลทางทหารในลาตินอเมริกา พร้อมประณามการสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันว่าเป็น “การกระทำอันเป็นโจรสลัด”