รีเซต

'อนุทิน' ย้ำชง ศบค.คลายล็อกอย่างปลอดภัย ยันไฟเซอร์ 2 ล้านโดสแรก ปักแขนกลุ่ม 16 ปีก่อน

'อนุทิน' ย้ำชง ศบค.คลายล็อกอย่างปลอดภัย ยันไฟเซอร์ 2 ล้านโดสแรก ปักแขนกลุ่ม 16 ปีก่อน
มติชน
9 กันยายน 2564 ( 13:33 )
33

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ.เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรค สธ.ได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์โรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยจะคลายล็อกอย่างระมัดระวังเต็มที่ ทั้งนี้ ได้เตรียมมาตรการรองรับดูแลผู้ป่วยที่แยกกักที่บ้าน (Home Isolation) ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็เพิ่มมากขึ้น แต่ยังประมาทไม่ได้ ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือให้มากขึ้น ส่วนการประชุม ศบค. ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.64) ก็เป็นการประชุมรายงานสรุปสถานการณ์ และพิจารณาในเรื่องการผ่อนคลายมาตรการว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง แต่เป็นการพิจารณาโดยทีมแพทย์ คณะผู้เชี่ยวชาญที่จะเป็นผู้นำเสนอต่อ ศบค.

 

 

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนเรื่องวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามานั้น ต้องหาข้อยุติให้ได้ว่า จะฉีดให้แก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้หรือไม่ และต้องมีเงื่อนไข หรือไม่มี แต่ด้วยเหตุผลหลักของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เพราะเราให้ความสำคัญกับเด็ก เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์ มีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าสามารถฉีดในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ซึ่งก็ต้องให้ทางการแพทย์พิจารณาร่วมด้วย

 

 

“ส่วนผมมีหน้าที่สนับสนุนในส่วนอื่นๆ ด้านนโยบาย ด้านการบริหาร อย่างเต็มที่ แต่ก็อยากให้ฉีดให้ครบ พ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียนจะได้สบายใจในการเปิดเรียน แต่หากมีเงื่อนไขก็ต้องมาพิจารณาว่าจะเปิดเรียนอย่างไร เพราะเด็กก็ต้องเรียนในโรงเรียน เรียนออนไลน์ตลอดทั้งปีแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้” นายอนุทินกล่าว

 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปิดประเทศจะมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมในที่ประชุม ศบค.หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนสะสมมากกว่า 38.1 ล้านโดส ซึ่งในการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ ก็ต้องดูสถานการณ์ว่า อัตราการฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร อย่างเช่น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นอย่างไร ซึ่งเห็นชัดว่า เมื่อมีการระบาดก็ไม่พบเจ็บป่วยหนักหรือเสียชีวิต โดยภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นเสมือนเกตเวย์ของคนต่างประเทศที่มาแยกกักตัวในประเทศไทย จึงต้องทำให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งจะมีการพิจารณาการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 3 พวกที่จะสัมผัสกับชาวต่างประเทศมากที่สุด

 

 

“ซึ่งไม่ได้แย่งวัคซีนอะไร โดยเราต้องทำห้องรับแขกให้สะอาด เพื่อเรียกแขกดีๆ ให้เกิดความมั่นใจ ตอนนี้วัคซีนก็มีมากพอแล้ว ผมได้มอบนโยบายไปในที่ประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า ต้องหาวิธีบริหารจัดการวัคซีน เพราะวัคซีนพวกนี้อายุเกิน 6 เดือน ก็จะไม่ค่อยดี ต้องเร่งฉีดเต็มที่ ส่วนตัวเลขเท่าไร รายละเอียดอย่างไร ขอให้ไปสอบถามอธิบดีกรมควบคุมโรค เพราะรัฐมนตรีไม่ได้เป็น      ผู้ปฏิบัติ แต่เราดูในระดับนโยบาย เป็นการแยกการทำงานตามความเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม เรื่องเข็มที่ 3 ที่ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ให้นโยบายแล้ว และจะทยอยไปเรื่อยๆ สำหรับเข็มที่ 3 แอสตร้าฯ กรณีผู้ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็ต้องเริ่มทยอยฉีดอีก 3 ล้านคน ในต้นเดือนหน้า เมื่อแอสตร้าฯ มีเพียงพอแล้ว คิดว่าสิ้นปีนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น” นายอนุทินกล่าว

 

 

เมื่อถามว่า หากมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทาง สธ.จะเตรียมพร้อมอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดเรื่องนี้ แต่ สธ.พร้อมในเรื่องการรักษา ป้องกัน ส่วนการยกเลิก ทาง สธ.ยังไม่ทราบเรื่องนี้

 

 

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้มีการส่งวัคซีนแอสตร้าฯ ไปที่ จ.ภูเก็ต แล้วประมาณ 2 หมื่นกว่าโดส เพื่อควบคุมการระบาด และฉีดเป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากทางจังหวัดยังไม่ได้ทำแผนการกระจายวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค จึงส่งไปก่อนเบื้องต้น และเมื่อได้รับแผนก็จะส่งวัคซีนไปเพิ่มเติมตามกำหนด คาดว่าคงต้องฉีดบูสเตอร์โดสหมดทุกคน

 

 

นพ.โอภาส กล่าวถึงความกังวลในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์กับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ตามการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์ที่นำมาขออนุญาตกับ อย.สามารถฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปทุกกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา ดังนั้น เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปฉีดได้ทุกคน รวมถึงคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่ขึ้นกับคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่เป็นคณะหลักในการพิจารณาการให้วัคซีนก็ให้การรับรองแล้ว นอกจากนั้น ได้นำเรื่องนี้ขอความเห็นชอบจาก ศปก.สธ. ซึ่งฝ่ายวิชาการเห็นชอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การนำเข้า ศบค.ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.64)

 

 

“ฉีดในเด็ก 12 ปีขึ้นไป ส่วนข้อแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ก็เป็นกลุ่มนักวิชาการ ซึ่งก็มีข้อแนะนำที่เห็นต่างกันไป โดยเฉพาะเรื่องใหม่ๆ โดยทางราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ก็ระบุว่า ฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปได้ เราก็ได้นำคำแนะนำมาพิจารณาด้วย ไม่ได้ละเลย อย่างไรก็ตาม แม้ทางหลักการจะฉีดได้ตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป แต่ในทางปฏิบัติวัคซีนไฟเซอร์ที่เข้ามา 2 ล้านโดสแรก เราก็อาจจะนำไปฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปก่อน” นพ.โอภาสกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง