รีเซต

“สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น” หวานชื่น จับมือลงนามการค้า-แร่หายาก มูลค่ากว่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์

“สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น” หวานชื่น จับมือลงนามการค้า-แร่หายาก มูลค่ากว่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์
TNN ช่อง16
28 ตุลาคม 2568 ( 12:47 )
21

“สหรัฐ-ญี่ปุ่น” จับมือข้อตกลงการค้า-แร่ธาตุ มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ย้ำเป็นพันธมิตรแข็งแกร่งที่สุดในโลก พร้อมช่วยเหลือญี่ปุ่นทุกทาง


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำแห่งสหรัฐฯ และนางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารด้านการค้าและแร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals) เพื่อสานต่อข้อตกลงทางการค้าที่เจรจาไว้ภายใต้รัฐบาลชุดก่อนของญี่ปุ่น โดยมีสาระสำคัญคือการร่วมมือด้านภาษี การขนส่ง และการลงทุน รวมถึงคำมั่นที่ญี่ปุ่นจะจัดสรรเงินลงทุนในโครงการของสหรัฐฯมากกว่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


อย่างไรก็ตามเอกสารจากทำเนียบขาวระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน โดยเนื้อหาด้านการค้าระบุเพียงว่าทั้งสองประเทศรับทราบด้วยความพึงพอใจถึงความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว และยืนยันพันธสัญญาอันแน่วแน่ในการดำเนินการตามข้อตกลงการค้า ส่วนข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญก็มีเพียงการให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันด้านการอนุญาต การจัดหาเงินทุน และการจัดทำแผนที่แหล่งแร่ โดยไม่มีรายละเอียดด้านปริมาณหรือระยะเวลาดำเนินการ


ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวย้ำถึงความแข็งแกร่งในการพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ–ญี่ปุ่น พร้อมชื่นชม ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่น ที่มีแผนเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างจริงจัง ระหว่างการพบหารือกันที่กรุงโตเกียว  และมั่นใจว่าสหรัฐฯและญี่ปุ่นได้ก้าวข้ามความขัดแย้งทางการค้าที่ผ่านมา และกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 


โดยทรัมป์กล่าวว่า “ผมอยากบอกว่าทุกครั้งที่คุณมีคำถาม มีข้อสงสัย หรือต้องการความช่วยเหลือใด ๆ จากสหรัฐฯเราจะอยู่เคียงข้างญี่ปุ่นเสมอ เราคือพันธมิตรในระดับที่แข็งแกร่งที่สุด เราจะมีการค้าร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นจะยิ่งแน่นแฟ้นกว่าที่เคยเป็นมา”


สื่อรายงานว่าการพบกันครั้งนี้เน้นบรรยากาศมิตรภาพมากกว่าการเจรจาเชิงเทคนิค ทาคาอิจิ นายกฯญี่ปุ่นกล่าวว่าจะเสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ (Nobel Peace Prize) เพื่อยกย่องบทบาทด้านการทูตของผู้นำสหรัฐ ส่วนทรัมป์มอบหมวกกอล์ฟลายปักคำว่า “JAPAN IS BACK” สีทอง ให้กับนายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่นเป็นที่ระลึก


นอกจากนี้ผู้นำของสหรัฐฯยังกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างทาคาอิจิกับอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของสหรัฐที่ถูกลอบสังหารเมื่อปี 2565 โดยระบุว่า “ทุกสิ่งที่ผมรู้จากชินโซและคนอื่น ๆ บอกได้ว่าคุณจะเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่น”


ขณะเดียวกันทาคาอิจิยังมอบพัตเตอร์และถุงกอล์ฟที่ลงนามโดยฮิเดกิ มัตสึยามะ แชมป์เดอะมาสเตอร์ส ให้กับทรัมป์เป็นของขวัญเชิงสัญลักษณ์


หลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ทั้งคู่ได้พบกับครอบครัวของชาวญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวในทศวรรษ 1970–1980 ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองในญี่ปุ่น


ทรัมป์ระบุว่า เขาพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่และสหรัฐฯจะยืนเคียงข้างญี่ปุ่นในทุกทาง แม้จะไม่ได้จัดประชุมกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระหว่างการเดินทางครั้งนี้ โดยกล่าวเพียงว่า “ผมยังไม่มีเวลาจัดนัดหมาย แต่เราจะดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป”


ทั้งคู่มีกำหนดร่วมพิธีลงนามอย่างเป็นทางการ และเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS George Washington ที่ฐานทัพเรือโยโกสุกะ ทางตอนใต้ของโตเกียว


ขณะที่ทาคาอิจินายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า “ทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐได้พัฒนาเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และร่วมกันเราจะมีส่วนในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพของโลก ในฐานะผู้นำ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง”


อย่างไรก็ตามการพบปะครั้งนี้นับเป็นบททดสอบสำคัญของผู้นำหญิงคนแรกของญี่ปุ่น หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันจากกรณีอื้อฉาวเรื่องกองทุนลับ (Slush Fund) ที่ทำให้รัฐบาลก่อนหน้าต้องลาออกถึงสองชุด ทาคาอิจิกำลังเร่งดำเนินการตามข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯควบคู่กับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้ถึง 2% ของจีดีพีภายในเดือนมีนาคมปีหน้า เร็วกว่ากำหนดเดิมถึงสองปี เพื่อรับมือภัยคุกคามจาก จีนและเกาหลีเหนือ


ทาคาอิจิกล่าวในรัฐสภาเมื่อวันศุกร์ว่า “ฉันตั้งใจจะฟื้นพลังแห่งการทูตของญี่ปุ่น ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และผลักดันความร่วมมือกับสหรัฐ เพื่อบรรลุเป้าหมายอินโด-แปซิฟิกเสรีและเปิดกว้าง”


ทั้งนี้การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนเอเชีย 3 ประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเริ่มต้นจากมาเลเซีย เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) และจะปิดท้ายด้วยการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในระหว่างการประชุมสุดยอด เอเปก (APEC Summit)




"ญี่ปุ่น" ลงนามสนับสนุน "แร่หายาก" ให้สหรัฐฯ 


สำหรับรายละเอียดของความร่วมมือครั้งใน “สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น” ได้ลงนาม Critical Minerals Framework เพื่อสนับสนุนการจัดหา-แปรรูปแร่หายาก เช่น แม่เหล็ก แบตเตอรี่ วัสดุเชิงแสง ภายใน 6 เดือนเตรียมเปิดโครงการร่วมลงทุนเสริมความมั่นคงห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีขั้นสูง


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อขยายความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals) โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่อุปทานโลกของวัตถุดิบที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง


ข้อตกลงดังกล่าวมีชื่อว่า “Framework Agreement on Critical Minerals” ซึ่งลงนามโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการเยือนโตเกียวของทรัมป์ โดยเอกสารระบุว่าทั้งสองรัฐบาลจะทำงานร่วมกันเพื่อ สนับสนุนการจัดหาและการแปรรูปวัตถุดิบแร่ธาตุหายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมในประเทศของทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น


แม้ข้อตกลงยังขาดรายละเอียดเชิงปฏิบัติ แต่ได้กำหนดกรอบความร่วมมือกว้างครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงิน มาตรการทางการค้า การสำรองวัตถุดิบเชิงยุทธศาสตร์ ไปจนถึงการร่วมลงทุนในโครงการใหม่ โดยระบุสินค้าหลักที่เกี่ยวข้อง เช่น แม่เหล็ก แบตเตอรี่, ตัวเร่งปฏิกิริยา และวัสดุออปติคัล


ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากดีลระหว่างสหรัฐ-ออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือ เพิ่มความมั่นคงด้านการเข้าถึงแร่หายากและแร่ธาตุสำคัญของสหรัฐ หลังจากจีนประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายากตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ในสัปดาห์เดียวกัน สหรัฐยังได้ลงนามข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญกับ มาเลเซีย และไทย เพื่อขยายเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ดีลนี้ยังสะท้อนถึงเส้นทางทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีนตั้งแต่กว่า 15 ปีก่อน หลังเหตุพิพาทชายแดนทางทะเลในปี 2553 ที่ทำให้จีนระงับการส่งออกแร่หายากชั่วคราว ต่อมาในปี 2554 ญี่ปุ่นได้ลงทุนในบริษัท Lynas Rare Earths Ltd. ของออสเตรเลีย เพื่อสร้างแหล่งจัดหาทางเลือกใหม่ แต่กระบวนการผลิตจริงใช้เวลาถึงสองปีจึงเริ่มเดินเครื่องทดลอง และอีกหลายปีกว่าจะผลิตได้เต็มกำลัง แสดงให้เห็นว่าการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานเป็นกระบวนการที่ ใช้เวลาและต้นทุนสูงมาก


ตามเอกสารข้อตกลงระบุว่า เป้าหมายของผู้ร่วมลงนาม คือการเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่หายาก ทั้งในขั้นตอนการทำเหมือง การแยก และการแปรรูป


โดยภายใน 6 เดือนหลังลงนาม ทั้งสองประเทศมีแผนที่จะดำเนินมาตรการสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการที่ได้รับคัดเลือก เพื่อผลิตสินค้าสำเร็จรูปสำหรับส่งมอบให้ผู้ซื้อในสหรัฐและญี่ปุ่น รวมถึงประเทศพันธมิตรที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง