เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,520-1,540 จุด โดยโฟกัสหลักอยู่ที่การประชุม FED คืนนี้ซึ่งตลาดคาดว่าขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนอีก 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.5% แต่ปัจจัยสำคัญคือมุมมองต่อเงินเฟ้อและสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป กลุ่มพลังงานคาดว่ายังแกว่งได้แข็งกว่าตลาดได้ต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้นโดย Brent มีโอกาสไต่ขึ้นทดสอบ High เดิมในปีนี้ที่ US$85-87 ต่อบาร์เรล
ส่วนกลุ่ม Domestic Play คาดว่ายังคงถูก Overhang จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ยังไม่มีความชัดเจนหลังล่าสุดประธานรัฐสภายกเลิกการประชุมวันที่ 27 ก.ค. ออกไปแบบไม่มีกำหนด ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญคาดใช้เวลา 7 วันในการรับหรือไม่รับคำร้องประเด็นการเสนอชื่อคุณพิธาซ้ำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไรก็ตามเรายังคงให้น้ำหนักว่าในท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและได้ตำแหน่งนายกฯไม่ว่าจะมีการจับมือข้ามขั้วหรือไม่ ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดทุนในระยะถัดไปจากความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนความเสี่ยงคือหากผลลัพธ์ออกมานอกเหนือจากที่ประเมินเช่นเปลี่ยนเป็นพรรคอันดับ 3-4 ขึ้นเป็นแกนนำ จะทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อและกระทบ Sentiment ลบต่อตลาด
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วบริเวณ 1,500+- จุดยังถือลงทุนต่อเนื่อง
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : CPALL, CPN, MINT, NSL, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : NSL
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
• คาดกำไร 2Q23 มีลุ้นทำ New High ที่ 82 ลบ. +9% q-q, +2% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดเติบโตดีตาม SSSG ของ 7-11 จาก High Season และมีการออกสินค้าใหม่เข้าขายใน 7-11 รวมถึงรับรู้รายได้จาก Bake a Wish เต็มไตรมาส รวมถึงปรับเพิ่มราคาขายสินค้าหลัก 7% ช่วยชดเชยต้นทุนชีสที่เพิ่มได้และทำให้ Gross Margin ยังทรงตัวสูง
• ความกังวลราคาข้าวสาลีปรับขึ้นเรามองกระทบจำกัดต่อ NSL เนื่องจากไม่ได้เป็นสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่มาก ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลงจะส่งผลบวกต่อต้นทุนมากกว่า คงประมาณการกำไรทั้งปี 2023 ที่ 343 ลบ. +15% y-y
• แนวรับ 22.50//22 บาท แนวต้าน 23.50-24//25 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,515 – 1,520 แนวต้าน 1,530 – 1,535 คาดทรงตัว ระหว่างรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่ม Global Play เช่น PTT,PTTEP, TOP, SCGP, IVL, HANA, KCE คาดได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน
PLANB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.40 บาท) ปี 66 ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาของอุตสาหกรรมสื่อจะเติบโตราว 7% (ที่มา Neilsen และ MAAT) ในส่วนของสื่อนอกบ้านคาดเติบโต +25%YoY / Transit +10%YoY อย่างไรก็ตามเม็ดงบโฆษณาจริงช่วง 5M66 ติดลบ -1.9%YoY โดยมีแค่สื่อ OHM ที่เติบโต +27.1%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งเฉพาะเดือน พ.ค.66 ยังโตเด่น +30%YoY เนื่องจากเป็นช่วงการเลือกตั้งทำให้ภาพรวมการใช้สื่อมีมากขึ้น ส่งผลให้กำไรใน 2Q66 มีแนวโน้มเติบโตดีทั้ง QoQ, YoY ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของสื่อสนามบิน และ Engagement Marketing ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทยลีกถ้าหายไปไม่ได้กระทบมากติดเป็นรายได้ประมาณ 60-70 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากธุรกิจสื่อหลักและต้นทุนที่ลดลงน่าจะชดเชยได้
SUN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.10 บาท) กำไรในช่วง 1Q66 เห็นการเติบโตดี +158%YoY, +213%QoQ ขณะที่คาดว่าแนวโน้ม 2Q66 ก็จะเห็นการโตต่อเนื่อง YoY QoQ เช่นกันจากสถิติการค้าระหว่างประเทศ รายงานตัวเลขส่งออก เม.ย.-พ.ค.66 ของข้าวโพดหวานแช่แข็ง(+27%YoY และคิดเป็นสัดส่วน 69%เมื่อเทียบกับ 1Q66) และข้าวโพดหวานกระป๋องแปรรูป(+32%YoY และคิดเป็นสัดส่วน 82%เมื่อเทียบกับ 1Q66) ยังขยายตัวได้ดี ด้านการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะมีแรงหนุนจากออเดอร์กลุ่มลูกค้าใหม่ๆใน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป และไต้หวัน ฯลฯ โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ +10-15% และมีแผนออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Ready to Eat เพิ่มเติม ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ที่ 334 ลบ.(+167%YoY) และ 378 ลบ.(+13%YoY) ตามลำดับ
**บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ โดยมีแนวต้านที่ 1535 และ 1545 จุด ตามลำดับ หลังทางเทคนิคดัชนียืนได้บริเวณแนวรับ 1517 จุด และเงินบาทที่ เริ่มกลับมาแข็งค่า เป็นปัจจัยบวกด้าน fund flow ขณะที่ปัจจัยการเมือง คาดลดอิทธิพลต่อดัชนี เนื่องจากวันที่ 27 ก.ค. เลื่อนโหวตนายกฯ และก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาววันหยุดราชการ
ชู PTTGC-KCE เด่น
PTTGC มองได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันฟื้นตัว ขณะที่สัดส่วนก๊าซในอ่าวไทยทยอยปรับขึ้นจะช่วยลดต้นทุน และแนวโน้ม 2Q66 คาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวดีขึ้นได้บ้าง QoQ อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เทรดที่ 0.5 PBV และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ราว 3.1%
KCE มองผลประกอบการคาดจะกลับมาเติบโตอีกครั้งใน 2H66 จาก Pent up demand โดยเฉพาะจากลูกค้าฝั่งยุโรปซึ่งคาดจะชดเชยการปรับลดราคาขายให้กับลูกค้าได้ และคาดจะดีต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ที่มีการขยายกำลังผลิตครั้งใหญ่