รีเซต

"วตท.35" ชงแนวทางฟื้น"เศรษฐกิจ"-หุ้นไทย

"วตท.35" ชงแนวทางฟื้น"เศรษฐกิจ"-หุ้นไทย
TNN ช่อง16
24 มิถุนายน 2568 ( 15:08 )
18

จากการศึกของกลุ่มนักศึกษาหลักสูตรผ้บูริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน ร่นุที่ 35 ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย และภาคธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน อาทิ รศ. ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล // ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ // นางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายบริหารงานปฏิบัติการ ธนาคารแห่งประเทศไทย // นายเมธี วินิชบุตร รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สำนักพัฒนาธุรกิจและการลงทุน เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นต้น 

เพื่อร่วมแก้โจทย์เศรษฐกิจไทยที่มีศักยภาพการเติบโตที่ต่ำลง โดยเฉพาะปัญหาในเชิงโครงสร้าง ให้มีศักยภาพเติบโตสูงขึ้น และหากเศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น เพื่อมีส่วนช่วยผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับสูงขึ้น รวมถึงสร้างความเชื่อมะนให้นักลงทุน ดึงเงินลงทุนต่างประเทศกลับมาได้ลงทุนหุ้นไทย ในหัวข้อ " Mission 2000 : Confidence, Continuity and Connectivity" ซึ่งการศึกษาอิงโมเดลจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีปัญหาคล้ายญี่ปุ่น คือ เศรษฐกิจโตต่ำลง , มีภาวะเงินเฟ้อต่ำ, มีหนี้เสียในระบบเศรษฐกิจสูง และประชากรสูงวัย 



ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ หนึ่งในนักศึกษา วตท. 35 เปิดเผยว่า งานวิจัย Mission 2000 คือ ธนู 3 ดอกสำหรับแก้เศรษฐกิจไทยให้มีศักยภาพเติบโตสูงขึ้น ให้ GDP ปัจจุบันที่โตระดับร้อยละ 2.5-2.6 มีศักยภาพวิ่งขึ้นไปโตที่ร้อยละ 3-4 ได้ในระยะต่อไปใน 5 ปี และผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยกลับไปที่ระดับ 2,000 จุด  

1) ธนูดอกแรก คือ การลงทุนในเชิงโครงสร้างพื้นฐานให้อยู่ระดับร้อยละ 10-20 ของ GDP เพื่อเป็น Engine of Growth ในการยกระดับเศรษฐกิจไทย  ผ่านการใช้จ่ายภาครัฐที่มากขึ้น ลงทุนระบบชลประทาน  การจัดการน้ำ ระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกัน เป็นต้น 


2) ธนูดอกที่ 2 คือ ซอฟท์ อินฟราสตรักเจอร์ ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ  อาทิ การทำนโยบายการเงินผ่อนคลาย ให้เงินเฟ้อขยับขึ้น เพิ่มสภาพคล่องในระบบ //  การปรับเกณฑ์การซื้อขายในตลาดหุ้น // เสนอโมเดลในเชิงธุรกิจให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรเติบโต เป็นต้น 

และ 3) ธนูดอกที่ 3 คือ ผลักดันอุตสาหกรรมด้านการแพทย์ ให้เป็นเพชรยอดมงกุฎ ผลักดันให้ไทยเป็น  Medical Hub หนุนการเติบโต 

นางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่งานวิจัยครั้งนี้ชูธุรกิจการแพยท์มาเป็นเพชรยอดมงกุฎมาหนุนให้เศรษฐกิจโต เพราะเป็นชุดแข็งที่เราทำได้ดี ที่สำคัญยังเกี่ยวข้องกับหลายธุกิจ ทั้งการท่องเที่ยว ภาพเกษตรกรรม อาหาร  นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจการแพทย์จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์แล้วถึง 29,000 บริษัท มีรายได้รวม 1.9 ล้านล้านบาท เป็นกำลังสำคัญในการต่อยอดการเติบโต 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง