Xpeng เปิดตัว Robotaxi และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ IRON รุ่นที่ 2 พร้อมชิป AI “Turing” พัฒนาเอง

วันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เสี่ยวเผิง (Xpeng) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ประกาศแผนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะเต็มรูปแบบ ไม่จำกัดตัวเองเพียงผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป
โดยในงาน “AI Day” ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน บริษัทได้เผยเทคโนโลยีใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป AI ซึ่งพัฒนาโดยทีมงานของบริษัทเอง ครอบคลุมทั้งบริการ Robotaxi และ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ รุ่นใหม่ สะท้อนทิศทางเดียวกับคู่แข่งสำคัญอย่าง เทสลา (Tesla)
Robotaxi รุ่นใหม่ พร้อมชิป “Turing” ที่ทรงพลังที่สุดในโลก
เสี่ยวเผิง (Xpeng) เปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Robotaxi จำนวน 3 รุ่น ที่เตรียมเริ่มทดสอบในเมืองกวางโจวและเมืองหลักของจีนในปี 2026 โดยรถยนต์เหล่านี้ใช้ชิป AI ภายในชื่อว่า “Turing” ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเอง
รถแต่ละคันติดตั้งชิป Turing AI จำนวน 4 ตัว หุ่นยนต์เพศชาย 2 ตัว และเพศหญิง 2 ตัว
ชิปให้พลังประมวลผลรวม 3,000 TOPS (Tera Operations Per Second) ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็น “กำลังประมวลผลสูงสุดในโลกสำหรับยานยนต์”
Robotaxi ใช้โมเดล AI แบบ “Vision-Language-Action (VLA)” รุ่นที่ 2 ที่ช่วยให้ระบบเข้าใจภาพและภาษาธรรมชาติเพื่อขับเคลื่อนอย่างชาญฉลาด
การเปิดตัวครั้งนี้ยังมาพร้อมความร่วมมือกับ Alibaba ผ่านบริษัทย่อย AutoNavi และแอป Amaps เพื่อผนวกข้อมูลแผนที่ดิจิทัลและระบบเรียกรถออนไลน์เข้ากับแพลตฟอร์ม Robotaxi ของเสี่ยวเผิง
ไบรอัน กู่ (Brian Gu) ประธานร่วมของบริษัท ระบุว่า Robotaxi จะ “กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกในที่สุด” และยอมรับว่าเทคโนโลยีดังกล่าวพัฒนาเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยกล่าวว่า “เทคโนโลยีกำลังเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคาดไว้ และเรากำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรม Robotaxi”
แผนของเสี่ยวเผิงแบ่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติออกเป็นสองกลุ่มหลัก
1. รถยนต์เชิงพาณิชย์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ สำหรับให้บริการร่วมกัน
2. รถยนต์ส่วนบุคคลอัจฉริยะ ที่สามารถแชร์การใช้งานในหมู่ครอบครัวหรือกลุ่มสมาชิกจำกัด
เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ “Iron” รุ่นที่ 2
ในงานเดียวกัน เสี่ยวเผิงได้เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่นใหม่ชื่อว่า “Iron” ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชันที่สองของบริษัท และเป็นอีกก้าวสำคัญที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Turing AI
หุ่นยนต์ Iron มีความสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม
ใช้ชิป Turing AI 3 ตัว มีกำลังประมวลผลรวม 2,250 TOPS
ใช้โมเดล VLA รุ่นที่ 2 เช่นเดียวกับรถยนต์ Robotaxi
ใช้แบตเตอรี่แบบ โซลิดสเตต (All-Solid-State) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและน้ำหนักเบา
รูปลักษณ์ของ Iron ถูกออกแบบให้ใกล้เคียงมนุษย์จริงมากที่สุด ทั้งโครงกระดูกแบบฮิวแมนนอยด์ กล้ามเนื้อไบโอนิก ผิวหนังยืดหยุ่น จอแสดงผลโค้งสามมิติบนศีรษะ และมือที่มีอิสระการเคลื่อนไหวถึง 22 องศา
เหอ เสี่ยวเผิง (He Xiaopeng) ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า ในระยะแรกหุ่นยนต์ Iron จะถูกใช้ใน สถานการณ์เชิงพาณิชย์ เช่น เป็นมัคคุเทศก์ ผู้ช่วยฝ่ายขาย หรือไกด์ภายในอาคารสำนักงาน โดยเริ่มใช้งานในศูนย์ของเสี่ยวเผิงเองก่อน พร้อมยืนยันว่าในช่วงแรกยังไม่เหมาะกับการใช้งานภายในครัวเรือน และต้นทุนการใช้ในโรงงานยังสูงเกินไปเมื่อเทียบกับค่าแรงในจีน
เขายังระบุด้วยว่า แม้ยอดขายหุ่นยนต์ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะคาดการณ์ได้ยาก แต่ เชื่อว่าจะมีจำนวนมากกว่ารถยนต์ที่บริษัทขายได้ในอนาคต
เปิดระบบ SDK และพันธมิตรอุตสาหกรรมใหม่
และเพื่อสร้างระบบนิเวศของหุ่นยนต์ เสี่ยวเผิงได้เปิดตัว SDK (Software Development Kit) ของ Iron สำหรับให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้ามาร่วมสร้างแอปพลิเคชันเพิ่มเติม โดยพันธมิตรกลุ่มแรกคือ บริษัทเป่าอู่กลุ่มเหล็กกล้าเป่าเสิ่น (Baoshan Iron & Steel - Baosteel) ที่จะร่วมสำรวจการใช้งานหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม เช่น งานตรวจสอบและบำรุงรักษาในโรงงาน
ไบรอัน กู่ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้เสี่ยวเผิงและเทสลาจะมีแนวคิดคล้ายกันด้านเทคโนโลยี แต่ในบางด้านเสี่ยวเผิงอาจ “เริ่มพัฒนาก่อนเทสลา” เช่น หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์และ รถยนต์บินได้ (Flying Car) ที่ขณะนี้บริษัทก็มีต้นแบบพร้อมทดสอบแล้ว อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเทสลามีความได้เปรียบในด้านการสื่อสารและการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
