รีเซต

ChatGPT เขย่าโลก ! สามารถช่วยตรวจหาระยะเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์

ChatGPT เขย่าโลก !  สามารถช่วยตรวจหาระยะเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์
TNN ช่อง16
6 มกราคม 2566 ( 09:39 )
53
ChatGPT เขย่าโลก !  สามารถช่วยตรวจหาระยะเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเดร็กเซิล คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์, วิทยาศาสตร์และระบบสุขภาพ (Drexel University School of Biomedical Engineering, Science and Health Systems) ได้เผยแพร่รายงานการศึกษาลงในวารสารพลอส ดิจิทัล เฮลท์ (PLOS Digital Health) ซึ่งมีเนื้อหาว่าแชตจีพีที (ChatGPT) สามารถตรวจหาระยะเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ได้ 


“การพิสูจน์แนวคิดของเราแสดงให้เห็นว่านี่อาจเป็นเครื่องมือที่ง่าย เข้าถึงได้ และมีความละเอียดอ่อนเพียงพอสำหรับการทดสอบในชุมชน สิ่งนี้อาจมีประโยชน์มากสำหรับการตรวจคัดกรองและประเมินความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนการวินิจฉัยทางคลินิก” - หนึ่งในทีมนักวิจัยกล่าว

แชตจีพีที (ChatGPT) คืออะไร ? 

โดยแชตจีพีทีเป็นแชตบอทที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ (AI หรือ Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท โอเพนเอไอ (OpenAi) ซึ่งได้สร้างกระแสความสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากความสามารถในการโต้ตอบและตอบข้อสงสัยได้ทุกเรื่อง โดยปัญญาประดิษฐ์จะไปรวบรวมข้อมูลจากทุกที่บนโลกอินเทอร์เน็ตมาประมวลผลเป็นคำตอบให้กับผู้ใช้งาน หรือจะให้มันช่วยวางแผนกลยุทธ์อย่างแผนการสอนก็สามารถทำได้เช่นกัน


ในขณะที่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มักมีความบกพร่องด้านการสื่อสาร 60 - 80 เปอร์เซ็นต์ เช่น ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์, การออกเสียง, ความลังเลใจ ไปจนถึงการลืมความหมายของคำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แชตจีพีทีที่สื่อสารกับผู้ใช้งานสามารถระบุความผิดปกตินี้ได้ โดยทีมวิจัยได้ใช้แชตจีพีทีรุ่นที่ 3 หรือ GPT-3 ที่ใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งมีความแม่นยำถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในการทำนายระยะเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ โดยให้ผู้เป็นกลุ่มตัวอย่างทดลองสื่อสารกับแชตบอทด้วยการเปลี่ยนเสียงเป็นข้อความ

เตรียมสร้างเว็ปแอปตรวจหาโรคอัลไซเมอร์ 

โดยการศึกษาของทีมนักวิจัยข้างต้นที่มีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ทำให้ทีมนักวิจัยได้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น รูปแบบการสื่อสารของกลุ่มตัวอย่างที่ปัญญาประดิษฐ์สามารถตรวจจับได้ โดยในอนาคต นักวิจัยวางแผนที่จะพัฒนาเว็ปแอปพลิเคชันที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือคัดกรองล่วงหน้าสำหรับโรคอัลไซเมอร์ที่บ้านหรือในที่ทำงานของแพทย์จากการใช้ชุดข้อมูลเหล่านี้


ข้อมูลจาก PLOS Digital Health

ภาพจาก Pixabay

ข่าวที่เกี่ยวข้อง