รีเซต

เอกชนฝากถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ เร่งแก้ปัญหาขาดสภาพคล่อง บาทแข็ง เยียวยาพิษโควิด

เอกชนฝากถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ เร่งแก้ปัญหาขาดสภาพคล่อง บาทแข็ง เยียวยาพิษโควิด
มติชน
16 กรกฎาคม 2563 ( 14:34 )
73
เอกชนฝากถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ เร่งแก้ปัญหาขาดสภาพคล่อง บาทแข็ง เยียวยาพิษโควิด

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) กล่าวภายหลังจาก 4 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจลาออกและการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจว่า ทีมเศรษฐกิจใหม่ไม่ว่าจะเป็นใคร สิ่งที่จะต้องแก้ไข คือ พยุงเศรษฐกิจในประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็ว และอยากเห็นเม็ดเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ลงเข้าไปสู่ระบบต่างๆให้ได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม เพราะยอมรับว่าจากปัญหาโควิด-19 ระบาดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา และยังไม่รู้จะจบลงเมื่อใด ซึ่งกระทบไปทั่วโลกและกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจใหม่เร่งหาแนวทางนำเม็ดเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจต่างๆอย่างแท้จริง

น.ส.กัณญภัค กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่อยากเห็นการเกิดปัญหาเกี่ยวกับช่องว่างเหมือนกรณีทหารอียิปต์และปัญหาการระบาดรอบ2 จึงอยากฝากรัฐบาลหามาตรการเข้มงวดสิ่งต่างๆไม่ให้เกิดขึ้น ถ้าประเทศต้องล็อกดาวน์เหมือน 3-4 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยจะยิ่งย่ำแย่มากขึ้น และเห็นว่าขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่สอดคล้องและท้าทายกับทีมเศรษฐกิจใหม่ ก็รอดูหน้าตารองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)คนใหม่ ที่ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในระบบของประเทศให้กลับมาดีขึ้น ขณะเดียวกันต้องเร่งดูภาคการส่งออก เพราะจากปัญหาโควิดภาคการส่งออกได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ต้องดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้ดียิ่งขึ้น

“ระยะสั้นนี้กระทรวงการคลังหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเข้ามาช่วยเหลือภาคการส่งออกโดยเฉพาะสภาพคล่อง ขณะนี้ภาคการส่งออกประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างมาก เชื่อว่าถ้าทีมเศรษฐกิจใหม่สามารถวางระบบได้ดีจะสามารถพยุงเศรษฐกิจปีนี้ได้ดีพอสมควร ” น.ส.กัณญภัค กล่าว

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักด์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ทีมเศรษฐกิจและรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้เป็นคนที่มีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับของสังคม เพราะจากนี้เรื่องของเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องง่าย หลังการระบาดของโควิด-19 บุคคลที่จะเข้ามาดูแลเรื่องเศรษฐกิจต้องเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก
” เท่าที่ดูรายชื่อโผของบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง มองว่าน่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ขณะนี้ต้องดูทั้งสองฝั่งคือฝั่งในประเทศที่ต้องกระตุ้นให้เกิดการบริโภค สร้างความเชื่อมั่นในประเทศให้สูงขึ้น และอีกฝั่งคือนโยบายด้านต่างประเทศที่ต้องทำควบคู่กันไป ” นายชูเกียรติ กล่าว

นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับการส่งออกข้าวใน 2563 ตลาดข้าวไม่ค่อยสดใสนักจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ราคาข้าวต่ำกว่าไทยหลายสิบเหรียญต่อตัน ทำให้ผู้ส่งออกข้าวไทยแพ้ตั้งแต่ในมุ้ง แข่งขันได้ยากมาก ทางเดียวตอนนี้คือเร่งพัฒนาวิจัยพันธุ์ข้าวที่ตลาดโลกต้องการและไทยยังไม่มี โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่ม หากมีเพียงพอไทยก็จะยังเป็นผู้ส่งออกข้าวโลกได้อยู่ ซึ่งในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้จะมีการทบทวนลดเป้าหมายการส่งออกใหม่ จากเดิมคาดไว้ 7.5 ล้านตัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง