ปูตินเผย 2 ข้อเสนอสันติภาพ ยูเครนวางตัวเป็นกลาง รับรองสถานะดอนบาส-ไครเมีย

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้แจ้งความต้องการของรัสเซียเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพ ในระหว่างการหารือโทรศัพท์ราวครึ่งชั่วโมงกับนายเรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี ซึ่งวางตัวเป็นคนกลางในการหาทางออกให้กับสงครามรัสเซีย-ยูเครน
โฆษกและที่ปรึกษาของผู้นำตุรกีให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ความต้องการของรัสเซียแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก โดยในประเด็นแรกเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับยูเครน นั่นคือการที่ยูเครนจะต้องวางตัวเป็นกลางและต้องไม่ยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ข้อเรียกร้องอื่นๆ ภายใต้ประเด็นดังกล่าวยังรวมถึงการที่ยูเครนต้องเข้าสู่กระบวนการปลดอาวุธเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย และยังต้องปกป้องคนที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน และต้องดำเนินการในสิ่งที่ปูตินให้คำจำกัดความว่า “ขจัดความเป็นนาซี”
ประเด็นดังกล่าวถูกสื่อตะวันตกระบุว่าเป็นข้อเรียกร้องเพื่อรักษาหน้าของรัสเซียเป็นการส่วนใหญ่ ขณะที่เรื่องนาซีเป็นข้อเรียกร้องที่ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดอย่างรุนแรงต่อประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่เป็นชาวยิว และมีญาติที่เสียชีวิตในช่วงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวด้วย แต่ฝ่ายตุรกีเชื่อว่าเซเลนสกีน่าจะสามารถยอมรับข้อเสนอดังกล่าวได้
ประเด็นที่น่าจะมีความยากลำบากคือความต้องการในเรื่องที่ 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานะของดินแดนในภูมิภาคดอนบาสซึ่งแยกออกไปจากยูเครนแล้ว โดยที่รัสเซียเพิ่งประกาศรับรองอธิปไตยของโดเนตสค์และลูฮานสค์ไปก่อนหน้าที่จะบุกยูเครน รวมถึงแหลมไครเมีย ซึ่งที่ปรึกษาของผู้นำตุรกีไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้มากนัก
อย่างไรก็ดีข้อสันนิษฐานคือรัสเซียน่าจะเรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนสละดินแดนในยูเครนตะวันออก ซึ่งจะกลายเป็นประเด็นที่ต้องมีการถกเถียงกันอย่างมาก นอกจากนี้รัสเซียคงจะเรียกร้องให้ยูเครนให้การรับรองอย่างเป็นทางการว่าไครเมีย ซึ่งรัสเซียได้ผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อปี 2557 เป็นของรัสเซียอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ไม่ง่ายสำหรับยูเครนที่จะยอมรับ
ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ปูตินยังบอกด้วยว่า จะต้องมีการเจรจาแบบพบหน้าค่าตากันระหว่างเขากับประธานาธิบดียูเครนเสียก่อน จึงจะสามารถทำข้อตกลงสันติภาพในประเด็นที่มีการพูดคุยกันได้ ซึ่งเซเลนสกีได้แสดงความพร้อมที่จะพบกับปูตินมาก่อนหน้านี้แล้ว
หลายฝ่ายมองว่าข้อเรียกร้องของปูตินไม่ได้รุนแรงอย่างที่บางคนหวาดกลัว และดูเหมือนแทบจะไม่คุ้มกับความรุนแรง การนองเลือด และการทำลายล้างที่เกิดขึ้นในยูเครน แต่สำหรับยูเครนนี่ยังคงเป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวลอย่างร้ายแรง เพราะหากไม่มีการจัดการในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของข้อตกลงอย่างระมัดระวัง ปูตินหรือผู้สืบทอดของเขาอาจใช้เป็นข้ออ้างในการบุกยูเครนได้อีกครั้ง
กระนั้นก็ดีการจัดทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้ แม้ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติการนองเลือดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไปก่อนก็ตามที
Tag
บทความน่าสนใจอื่นๆ
