พบคนร้ายชิงทอง 153 บาท นำของกลางฝังดินซ่อน อ้างตกงาน รอคำตอบไปเป็นทหารที่ยูเครน
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 เมษายน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภาค 3 นครราชสีมา พล.ต.ต พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา พล.ต.ต ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภาค 3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุมนายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือ เบส อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.142/2565 ลงวันที่ 12 เมษายน
พฤติการณ์ใช้อาวุธปืนจี้ชิงสร้อยคอทองคำจำนวน 58 เส้น รวมน้ำหนัก 153 บาท มูลค่าประมาณ 4.6 ล้านบาท ที่ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ตั้งอยู่ชั้น 1 ภายในห้างโลตัส สาขา 1 อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา จากนั้นได้วิ่งมาที่ลานจอดรถฝั่งติดรั้วสำนักงานขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 1 เพื่อขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮา รุ่นฟีโน่ สีขาว แสด ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้ ถ.มิตรภาพ หลบหนีมุ่งหน้าสามแยกปักธงชัย
ชุดสืบสวนได้ติดตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดใช้หลบหนี พบผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุนำถาดใส่ทองวางบนหน้าตักขาใช้ ถ.เลียบนคร เป็นเส้นทางหลบหนีมุ่งหน้าไปพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จึงได้ประสานผู้นำชุมชนจนทราบตัวผู้ต้องหาและเจ้าของรถ แต่ผู้ต้องหาไหวตัวให้คนรู้จักมักคุ้นนำไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา แห่งที่ 2 เพื่อขึ้นรถโดยสารสาธารณะไปกรุงเทพมหานครและเดินทางไปหาคู่ขา ที่เคยต้องโทษในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและอยู่ในเรือนจำด้วยกัน โดยเปิดห้องพักที่โรงแรม Tevan Jomtien Hotel ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนถูกจับกุมโดยละม่อม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตรวจยึดของกลาง 1.สร้อยคอทองคำ 28 เส้น น้ำหนัก 84 บาท ผู้ต้องหาให้นางสาวกรรณิกา อายุ 37 ปี ภรรยา นำของกลางใส่แก้วแล้วไปซ่อนฝังดินที่บ้านของพ่อแม่ ที่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง แต่ตอนนี้ไม่มีใครพักอาศัยอยู่
2.เงินสด 110,000 บาท จากตัวผู้ต้องหา 3.รถจักรยานยนต์ 4.อาวุธปืนปลอม 5.เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 6. ป้ายทะเบียน งมจ 504 นครราชสีมา ซึ่งเป็นของรถที่ใช้ก่อเหตุ 7.ค้อน 1 อัน เพื่อใช้เตรียมทุบกระจก
จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครราชสีมา ดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์โดยมอมหน้าหรือทำทำด้วยประการอื่น เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ระบุเป็นชาว จ.หนองบัวลำภู เคยเป็นทหารเกณฑ์ ต่อมาได้ภรรยาเป็นชาว ต.บ้านใหม่ ช่วงโควิดได้ตกงาน จึงหาเงินโดยชิงทรัพย์ วางแผนกำลังเตรียมตัวเดินทางไป จ.เชียงใหม่ และรอคำตอบการสมัครเป็นทหารอาสารับจ้างรบที่ประเทศยูเครน
ทั้งนี้การติดตามของกลาง ผู้ต้องหาอ้างนำทองติดตัวไปในระหว่างหลบหนี 13 เส้น โดย 2 เส้น ให้คู่ขาที่เป็นกะเทย อีก 11 เส้น ให้เพื่อนขายได้เงิน 20,000 บาท นอกจากนี้ในระหว่างขับรถหลบหนีได้ทำสร้อยคอตกหล่นระหว่างทาง 2 เส้น ส่วนทีเหลืออ้างนำไปขายตามสถานที่ต่างๆ และมีบางส่วนตกหล่น ล่าสุดมี ชาว อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา เก็บได้แล้วนำไปขายที่ อ.พระทองคำ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตรวจยึดได้และจะสืบสวนติดตามของกลางที่เหลือต่อไป ส่วนภรรยาและผู้เกี่ยวข้องกับคดีได้แจ้งข้อกล่าวหารับของโจรและให้การช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม