โอกาสทำเงิน "พาณิชย์" เปิดรายชื่อ 5 กลุ่มสินค้าไทย Made in Thailand รุกเป้าหมาย "ตลาดจีน"

"พาณิชย์" เปิด 5 กลุ่มสินค้าไทย "Made in Thailand" รุกเป้าหมาย "ตลาดจีน"
รัฐบาลไทยเดินหน้าเต็มกำลังผลักดันการส่งออกสู่ตลาดจีน ภายใต้ยุทธศาสตร์เชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ หลังนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบนโยบายสำคัญแก่ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ในประเทศจีนทั้ง 9 แห่ง ให้ “ถอดรหัสแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15” ของจีน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางการค้า และขยายตลาดสินค้าจากประเทศไทยสู่ประชากรจีนกว่า 800 ล้านคนที่กำลังเข้าสู่ชนชั้นกลาง
การประชุมมอบนโยบายดังกล่าวจัดขึ้น ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ โดยมีผู้อำนวยการจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศกรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) อีก 8 แห่ง เข้าร่วม ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิง และหนานหนิง ทั้งหมดได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เชิงรุกในการเปิดตลาดใหม่ วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจของจีน และเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้อย่างตรงจุด
นางศุภจีมองว่า โลกการค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และตลาดจีนเองก็กำลังเปลี่ยนจากการเน้นราคาถูก มาให้ความสำคัญกับคุณภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืน ดังนั้นทูตพาณิชย์ไทยทุกแห่งในจีนต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคแต่ละภูมิภาค เพื่อออกแบบกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจง ไม่ใช่เพียงการขายสินค้าแบบทั่วไป แต่ต้องรู้จัก “เล่าเรื่อง” ของสินค้าไทยให้เข้ากับคุณค่าที่ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญ
ผู้บริโภคจีนในวันนี้ต้องการสินค้าใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีคุณภาพ และสอดคล้องกับเทรนด์โลก เช่น การรักษ์โลก การดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยีดิจิทัล นี่คือสิ่งที่เราต้องจับให้ได้ พร้อมเน้นว่าการส่งออกยุคใหม่ต้องก้าวไกลกว่าแค่การหาผู้ซื้อหรือคู่ค้า แต่ควรสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบร่วมลงทุน (Joint Venture) ระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน เพื่อพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ของจีน ซึ่งนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศในพิธีเปิดงาน China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) จีนจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหัวใจหลัก รวมถึงการเพิ่มกำลังซื้อของชนชั้นกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไทยจึงต้องวางตำแหน่งสินค้าให้ตรงกับกระแสเศรษฐกิจใหม่นี้
นางศุภจีระบุว่า ไทยมีศักยภาพตอบโจทย์ตลาดจีนใน 5 กลุ่มสินค้าหลัก ซึ่งได้รับการวิเคราะห์และเสนอโดยสำนักงานพาณิชย์ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่
กลุ่มที่ 1 คือ สินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งยังคงเป็นจุดแข็งของไทย ทั้งข้าว ผลไม้ เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดจีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภควัยทำงานที่มองหาความสะดวกและคุณภาพ
กลุ่มที่ 2 คือ สินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง เพื่อตอบรับกระแสรักสัตว์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในสังคมเมืองของจีน ปัจจุบันตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงจีนมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทย
กลุ่มที่ 3 คือ สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เช่น รังนก โปรตีนจากพืช น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สปา และบริการสุขภาพ สินค้ากลุ่มนี้สะท้อนภาพลักษณ์ “คุณภาพแบบไทย” ที่ได้รับการยอมรับในตลาดเอเชียอยู่แล้ว และสามารถต่อยอดได้อีกมากในจีนที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการดูแลตัวเอง
กลุ่มที่ 4 คือ สินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน เช่น บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ เครื่องสำอางออร์แกนิก เสื้อผ้ารีไซเคิล ของตกแต่งบ้านจากวัสดุธรรมชาติ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งหมดนี้ตอบรับกับนโยบาย “เศรษฐกิจสีเขียว” ของรัฐบาลจีนโดยตรง
กลุ่มที่ 5 คือ สินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์ เช่น เกม แอนิเมชัน ภาพยนตร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่จีนเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้ามาร่วมพัฒนา
ทั้งนี้จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย–จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการส่งออกของไทยไปจีนอยู่ที่ 30,667.72 ล้านดอลลาร์ เติบโต 16.13% สะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทยที่ยังมีช่องทางเติบโตได้อีกมาก
ภายใต้นโยบายใหม่ของ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” การรุกตลาดจีนไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มยอดส่งออกระยะสั้น แต่เป็นการวางรากฐานระยะยาว เพื่อให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าในตลาดจีน ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเศรษฐกิจสีเขียวและนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การให้สินค้าไทยก้าวขึ้นเป็น “สินค้าพรีเมียมของเอเชีย” ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพ ความยั่งยืน และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจีนยุคใหม่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
