ทองคำให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นประวัตการณ์

ปี 2568 ทองคำให้ผลตอบแทน 32 % หากเราลงทุนตั้งแต่วันแรกของปี และถือจนถึงจุดที่ทองทำสูงสุดในวันที่ 22 เมษายน 2568 ซึ่งทองคำได้ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 3500 เหรียญต่อไทรออนซ์ ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่าปี 2567 ที่ทำผลตอบแทนทั้งปีได้เพียง 29%
โดยสาเหตุที่ทองคำปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดและให้ผลตอบแทนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มาจากหลายปัจจัย
1.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อในหลายภูมิภาคของโลก
2 ประเทศมหาอำนาจเร่งสะสมทองคำเป็นทุนสำรองอ่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ที่เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ
3.สงครามการค้า จากการรบภายใต้กำแพงภาษีของสหรัฐกับประเทศคู่ค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลทรัปของสหรัฐอเมริกา
โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางการปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำของนักวิเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศ โดยประเมินจากทั้งพื้นฐานและเทคนิคอล ให้เป้าราคาสูงสุดในปี 2568 ที่ระดับ 4000 เหรียญสหรัฐต่อไทรออนซ์
นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด วิเคราห์ว่า ทองคำในปี 2568 ยังเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนหลายเรื่อง และ ปัจจัยสำคัญล่าสุด หนุนการกลับตัวคือการที่ สหรัฐอเมริกาถูก Moody's ลดอันดับเครดิต ซึ่งจะกดดันค่าเงินดอลลาร์และหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรอง
ปัจจัยหนุนล่าสุดและสำคัญมากคือการที่ Moody's ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐอเมริกาในรอบ 100 ปี จากระดับ AAA เหลือ AA1 Stable โดยให้เหตุผลว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นสูง และมีภาระดอกเบี้ยที่ต้อง่จ่ายอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูงซึ่งส่งผลต่อภาระดอกเบี้ยที่ต้องชำระ ซึ่งถือเป็นประเด็นกดดันนำมาสู่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะต่อไป และทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ถูกจัดเป็นทองคำสำรองมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 100 ปี จะยิ่งเสริมบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรอง (Reserve Asset) ท่ามกลางภาวะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มเสื่อมค่า จากปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมากของสหรัฐฯ ที่มีมากกว่า 36 ล้านล้านดอลลาร์ และความจำเป็นในการหาเงินอีก 10 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ในการชำระหนี้ ซึ่งมีทางออก 2 ทางด้วยกัน คือ สหรัฐฯ อาจจะต้องขายพันธบัตรรัฐบาล หรืออาจต้องทำ QE ซึ่งจะยิ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่ารุนแรง ในขณะเดียวกันยังเผชิญกับความเสี่ยงที่ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ และหันมาถือทองคำมากขึ้น รวมถึงกลุ่มประเทศ BRICS ที่ต้องการสินทรัพย์ที่ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้มาเป็นหลักประกัน ซึ่งปัจจัยทั้งหมด ล้วนส่งผลดีต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ
นพ.กฤชรัตน์ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในช่วงปลายปี 2568 ไว้ที่ 3,700-4,000 ดอลลาร์ฯ และในปี 2568 ความผันผวนของราคาทองคำในปัจจุบันสูงกว่าในอดีตมาก การขึ้นลงวันละ 100 เหรียญกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยครั้ง ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่อาจเกิดขึ้นปีละครั้งหรือสิบปีครั้ง เนื่องจากข่าวสารในยุคดิจิทัลส่งผลกระทบต่อตลาดได้รวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิม เพราะนักลงทุนสามารุถรับข่าวสารที่ส่งผลต่อราคาทองคำได้อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการลงทุนและเก็งกำไรเร็วขึ้นกว่าอดีต
เป้าหมายของราคาทองคำ ที่บรรดานักวิเคราะห์วางเป้าไว้ ยังอีกยาวไกล ส่ิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนในปีนี้ คือการกำหนดกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการลงทุนและเก็งกำไรในตลาดทองคำ เพราะแม้ผลตอบแทนจะสูง แต่นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูงตาม เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถขึ้นลงได้ไม่จำกัด ราคาผันผวนตามปริมาณดีมานและซัพพรายในตลาด หากมีความรู้และมีจังหวะที่ดี สามารถเป็นมหาเศรษฐีจากการลงทุนในยุคทอง ของทองคำในปี 2568 ได้แน่นอน