รู้จัก ISIS-K กลุ่มหัวรุนแรง โจมตีสนามบินกรุงคาบูลตายเจ็บอื้อ!
วันนี้( 27 ส.ค.64) กลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงรัฐอิสลาม หรือ ISIS-K (ไอเอสเค) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งซ้อนที่สนามบินนานาชาติฮามิด คาร์ไซ และโรงแรมบารอน เมื่อวานนี้( 26 ส.ค.) โดยระเบิดระลอกแรกเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จุดที่เกิดระเบิดอยู่ใกล้โรงแรมบารอน ซึ่งอยู่ในรัศมีใกล้เคียงกับสนามบิน โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เจ้าหน้าที่อังกฤษใช้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ แก่ชาวอัฟกันที่ต้องการเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร หลังเกิดเหตุระเบิดแล้วยังมีการยิงและตามมาด้วยระเบิดระลอกที่สองที่เกิดขึ้นใกล้
กับแอบบีเกต ทางเข้าหลักของสนามบิน
โดยรายงานหลายกระแสชี้ว่าจุดที่เกิดระเบิดอยู่ใกล้กับคลองระบายน้ำ ในจุดนี้มีชาวอัฟกันกำลังรอดำเนินขั้นตอนการเดินทาง แรงระเบิดทำให้ผู้เคราะห์ร้ายบางส่วนตกลงไปในน้ำ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่าผู้ลงมืออย่างน้อยหนึ่งคนสวมเสื้อกั๊กติดวัตถุระเบิด ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายไอเอสได้เปิดเผยชื่อมือระเบิด ในเหตุการณ์นี้ ว่าชื่อ อับดุล เรห์มาน อัล ลอชรี เป็นคนก่อเหตุ ที่ประตูแอบบีย์ เกต ของสนามบินคาบูล
สำนักข่าวอัลจาซีราห์รายงานการากแหล่งข่าวในโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ของกลุ่มตาลีบัน ระบุว่า เหตุระเบิด 2 ครั้ง มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 72 ราย ซึ่งรวมถึงสมาชิกกลุ่มตาลีบัน 28 ราย
ขณะที่มีทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 นาย เหตุระเบิดดังกล่าวสร้างความโกลหล เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บอีกนับร้อยคน ที่ต้องนำส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันการโจมตีของกลุ่มไอเอสยังส่งผลต่อกลุ่มตอลิบาน ซึ่งให้สัญญากับชาวอัฟกันว่าจะนำสันติภาพมาสู่ประเทศที่พวกเขายึดครองได้อย่างรวดเร็ว โฆษกของกลุ่มตอลิบานระบุว่า การโจมตีที่ประตูสนามบินคาบูลเป็นการกระทำของ "กลุ่มชั่วร้าย" ซึ่งจะถูกปราบปรามเมื่อทหารต่างชาติออกไปจากอัฟกานิสถานแล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มก่อการร้าย ไอเอส-เค หรือ อิสลามิก สเตท โคราซาน เป็นเครือข่าย กลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส อยู่ในภูมิภาคโคราซาน(Khorasan)ภูมิภาคประวัติศาสตร์ที่ก่อตัวเป็นจังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือของมหานครอิหร่าน ชื่อโคราซานเป็นภาษาเปอร์เซีย หมายถึง "จังหวัดทางตะวันออก" ชื่อนี้ตั้งขึ้นครั้งแรกในจังหวัดทางตะวันออกของเปอร์เซียระหว่างจักรวรรดิซาซาเนียนเคลื่อนไหวอยู่ในอัฟกานิสถานและปากีสถาน พุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายชาติตะวันตก และกลุ่มอ่อนแอ มีรายงานว่านักโทษที่ตาลีบันนิรโทษกรรมหลังยึดกรุงคาบูล มีทั้ง นักรบไอเอสและอัลเคดา ซึ่งถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา
กลุ่มไอเอส-เค มีที่มั่นในจังหวัดนันกาฮาร์ทางตะวันออกของอัฟกานิสถานใกล้กับเส้นทางขนส่งยาเสพติดเข้าออกปากีสถาน มีการเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นกับเครือข่ายฮักกานี ซึ่งกลุ่มฮักกานีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตาลีบัน และในขณะนี้ ชายผู้ที่ตาลีบันไว้วางใจให้เข้ามารับผิดชอบเรื่องความมั่นคงในกรุงคาบูล ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายกาลิล ฮักกานี หัวหน้ากลุ่มฮักกานี ผู้ที่มีค่าหัวถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 163 ล้านบาท จึงเป็นความท้าทายทางความมั่นคงสำหรับรัฐบาลตาลีบัน เช่นเดียวกันกับที่หน่วยข่าวกรองชาติตะวันตกกำลังเผชิญอยู่
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้ให้คำมั่นว่าจะตามไล่ล่าผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้ พร้อมกับออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐเร่งวางแผนเพื่อเตรียมโต้ตอบผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ ขณะที่ทำเนียบขาวและรัฐสภาสหรัฐฯ ได้ลดธงครึ่งเสา เพื่อเป็นเกียรติให้แก่นายทหารสหรัฐฯ ที่เสียชีวิต 13 นายจากเหตุระเบิดครั้งนี้ รวมไปถึงสถานที่ราชการทุกแห่งด้วย โดย เจน ซากิ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า จะลดธงครึ่งเสาเป็นเวลานาน 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสนี้ ไปจนถึงวันจันทร์หน้า (26-30 สิงหาคม) ตามเวลาในสหรัฐฯ
สหรัฐและชาติพันธมิตรประกาศเตือนว่า ผู้ก่อการร้ายอาจก่อเหตุโจมตีในกรุงคาบูลมากขึ้น ขณะเส้นตายการถอนกองกำลังต่างชาติในวันที่ 31 ส.ค. ใกล้เข้ามาทุกขณะ ซึ่งสหรัฐจะยังคงปฏิบัติภารกิจอพยพประชาชนต่อไป และไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการถอนทหารซึ่งกำหนดไว้ว่าจะสิ้นสุดในวันอังคารหน้า
ด้านผู้นำประเทศทั่วโลก รวมถึงนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือ UN ได้ออกมาประณามเหตุระเบิดที่สนามบินกรุงคาบูล พร้อมย้ำพลเรือนต้องได้รับการปกป้อง ส่วนในวันนี้
ความพยายามอพยพ ยังคงดำเนินต่อไป แม้เกิดเหตุระเบิดพลีชีพโจมตีเมื่อวานนี้ก็ตาม โดยเครื่องบินที่มีผู้อพยพยังคงบินออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังคงมีความพยายามอพยพคนออกนอกประเทศต่อเนื่อง ปัจจุบันหลายชาติอพยพประชาชนจากกรุงคาบูลใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย อินเดีย ตุรกี