กสทช.ประกาศผลประมูลคลื่นวิทยุ 71 คลื่นมูลค่ารวมกว่า 700 ลบ., MCOT ได้ 47 คลื่น
ข่าววันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการประชุมเพื่อรับทราบการเสนอราคาสูงสุดในการประมูลคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียง จำนวน 71 คลื่นความถี่ มูลค่าการประมูลรวมกว่า 700 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สูงกว่าราคาตั้งต้นประมาณ 77% โดยราคาตั้งต้นรวมอยู่ที่ 398.50 ล้านบาท นับเป็นประวัติศาสตร์การจัดประมูลคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงครั้งแรก เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงรายใหม่ สามารถเข้าสู่กระบวนการใช้คลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงได้ ตั้งแต่มีการอนุญาตในกิจการกระจายเสียงเกิดขึ้นของประเทศไทย ในรูปแบบการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ โดยมีระยะเวลาการอนุญาต 7 ปี
สำหรับผู้เข้าร่วมการประมูลที่เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด ได้แก่
1. บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 47 คลื่นความถี่
2. บริษัท ลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค 24 ชั่วโมง จำกัด จำนวน 13 คลื่นความถี่
3. บริษัท เจ.เอส.ไนน์ตี้วัน จำกัด จำนวน 3 คลื่นความถี่
4. บริษัท ดินดิน จำกัด จำนวน 2 คลื่นความถี่
5. บริษัท นานาเอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด จำนวน 2 คลื่นความถี่
6. บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด(มหาชน) จำนวน 1 คลื่นความถี่
7. ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุภัคพร กรุ๊ป จำนวน 1 คลื่นความถี่
8. ห้างหุ้นส่วนจำกัด พีระยา มีเดียกรุ๊ป จำนวน 1 คลื่นความถี่
9. บริษัท สตูดิโอ ไลน์ เอเจนซี่ จำกัด จำนวน 1 คลื่นความถี่
ขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงาน กสทช. จะแจ้งให้ผู้เสนอราคาสูงสุดในแต่ละคลื่นความถี่มาลงนามรับรองราคาสุดท้ายที่ตนเสนอให้ครบถ้วน ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักงาน กสทช. เพื่อที่ กสทช. จะได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล และแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ แจ้งข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียง และยื่นคำขออนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงพร้อม ทั้งชำระค่าธรรมเนียมการขออนุญาต ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการเป็นผู้ชนะการประมูลต่อไป
โดยหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงแล้ว ผู้รับใบอนุญาตจะสามารถเริ่มประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงได้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่หลังหักค่าใช้จ่ายในการประมูลและนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว จะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป