ออสเตรเลีย ออกกฎต้องใส่แมสก์ ออกจากบ้าน ฝ่าฝืนเจอปรับกว่า 4,000 บาท

ออสเตรเลีย ออกกฎต้องใส่แมสก์ ออกจากบ้าน ฝ่าฝืนเจอปรับกว่า 4,000 บาท

รัฐวิกตอเรีย รัฐที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศออสเตรเลีย ออกกฎหมายบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ออกจากบ้านแล้วท่ามกลางสถานการณ์การแพ่ระบาดของโควิด-19 โดยผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 4,400 บาท

รัฐวิตอเรีย รัฐซึ่งต้องประกาศล็อกดาวน์ ประชากรบางส่วนน จำนวนเกือบ 5 ล้านคนเป็นเวลา 6 สัปดาห์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมาจำนวน 363 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 217 ราย

การติดเชื้อที่ยังมีแนวโน้มที่ยังเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้รัฐวิกตอเรีย ต้องออกมาตรการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศยังอยู่ในระดับ 11,800 ราย ที่มีจำนวนไม่มากนักหากเทียบกับชาติอื่นๆหรือแม้แต่ในบางรัฐของสหรัฐอเมริกาเองก็ตาม

ขณะที่ในรัฐวิกตอเรีย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันเดียวกัน 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ 38 ราย ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 122 ราย

ทั้งนี้รัฐบาลท้องถิ่นรัฐวิกตอเรีย นับเป็นรัฐแรกที่ออกมาตรการบังคับให้ประชาชนทุกคนใส่หน้ากากอนามัยออกจากบ้าน โดยนอกจากรัฐวิกตอเรีย ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่ต้องกลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระเบาอย่างเข้มงวดอีกครั้งหลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 18 รายนับเป็นยอดสูงสุดในรอบ 3 เดือน ในวันเดียวกันนี้