รีเซต

รมว.ยุติธรรม จ่อพิจารณา ติดกำไลEM นักโทษอีก 16,000คน ย้ำเงื่อนไข 'ณัฐวุฒิ' พักโทษ

รมว.ยุติธรรม จ่อพิจารณา ติดกำไลEM นักโทษอีก 16,000คน ย้ำเงื่อนไข 'ณัฐวุฒิ' พักโทษ
มติชน
19 ธันวาคม 2563 ( 11:04 )
62
รมว.ยุติธรรม จ่อพิจารณา ติดกำไลEM นักโทษอีก 16,000คน ย้ำเงื่อนไข 'ณัฐวุฒิ' พักโทษ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการพักโทษ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. ว่า กรณีของนายณัฐวุฒิเป็นการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งมีการพิจารณาคุณสมบัติผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์โดยคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งกรณีของนายณัฐวุฒิ มีเงื่อนไขการคุมประพฤติ คือ ระยะเวลาคุมประพฤติตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.2563 – 29 มี.ค.2564 ติดกำไล EM 3 เดือน 11 วัน และต้องรายงานตัวกับ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรีเดือนละ 1 ครั้ง ต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรที่กรมคุมประพฤติกำหนด ภายในระยะเวลาติดกำไล EM ห้ามยุ่งเกี่ยวหรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางการเมืองใดๆ เช่น ห้ามให้สัมภาษณ์ ปราศรัย ออกสื่อ หรือแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีพนักงานคุมประพฤติออกสอดส่องติดตามในระยะเวลาคุมประพฤติ อย่างน้อย 1 ครั้ง ห้ามออกนอกเขตจังหวัดนนทบุรี เว้นแต่มีธุระสำคัญเป็นครั้งคราวให้ขออนุญาตพนักงานคุมประพฤติและได้รับอนุญาตก่อนจึงจะออกนอกเขตพื้นที่ได้ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร

 

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนายณัฐวุฒิแล้วยังมีผู้ต้องขังที่ได้รับความเห็นชอบพักการลงโทษอีก 76 ราย ซึ่งทุกคนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ซึ่งการได้รับการพระราชทานอภัยโทษมีผู้ต้องขังที่ได้รับสิทธิแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มแรกผู้ที่ได้รับการลดโทษแล้วครบกับโทษที่ได้รับ จะได้รับการปล่อยตัวเลย

 

กลุ่มที่สอง ผู้ที่ได้รับการลดโทษแล้วโทษเหลือไม่ถึง 1 ปีจะได้รับการพักโทษโดยการติดกำไล EM และกลุ่มที่สาม ผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังมาแล้ว 1 ใน 3 ลดโทษแล้วเหลือเกิน 1 ปีแต่ไม่ถึง 5 ปีซึ่งมีอยู่ประมาณ 16,000 คน ตรงนี้เราจะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะสามารถนำมาติดกำไล EM เพื่อพักโทษได้หรือไม่ ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 3 เดือน ตรงนี้จะเป็นการลดความแออัดภายในเรือนจำได้ ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม

 

“สังคมไม่ต้องวิตกกังวลผู้ที่พ้นโทษจากการพระราชทานอภัยโทษและพักโทษ ผู้ต้องขังเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับคดีร้ายแรง 7 ประเภทคือ ฆ่าข่มขืนเด็ก ฆ่าข่มขืน ฆาตรกรต่อเนื่อง ฆาตรกรโรคจิต สังหารหมู่ ปล้นฆ่าชิงทรัพย์และนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับการลดโทษ และหากผู้ต้องขังกลุ่มนี้พ้นโทษเรามีระบบการติดตามโดยศูนย์ JSOC ซึ่งเราจะพยายามอธิบายให้สังคมเข้าใจในรูปแบบและหน้าที่ของศูนย์เรื่อยๆต่อไป และเมื่อสังคมรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน จะช่วยส่งข่าวให้รับรู้และจะทำให้เกิดการระวังตัวทำให้ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก ซึ่งผู้ที่ได้รับการลดโทษและพักโทษนั้นจะเป็นผู้ต้องขังคดีไม่ร้ายแรงและมีความประพฤติดี ตามการพิจารณาอย่างเข้มงวดของคณะกรรมการฯเท่านั้น”นายสมศักดิ์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง