รีเซต

วินาทีสุดซึ้ง! ลูกสาวผู้ว่าสาครเห็นหน้าพ่อครั้งแรก ผ่านห้องกระจก

วินาทีสุดซึ้ง! ลูกสาวผู้ว่าสาครเห็นหน้าพ่อครั้งแรก ผ่านห้องกระจก
มติชน
27 มกราคม 2564 ( 12:05 )
132

วินาทีสุดซึ้ง! ลูกสาวผู้ว่าสาครเห็นหน้าพ่อครั้งแรก ผ่านห้องกระจก เผยผู้ว่าห่วงรพ.สนาม หลังหมอแจ้งคืบหน้า น้ำตาไหล

 
เมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 1 กรมประชาสัมพันธ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงครั้งแรกที่ลูกสาวผู้ว่าสมุทรสาคร ได้เห็นหน้าพ่อครั้งแรกผ่านห้องกระจก โดยมีรายละเอียดคือ
 
 
#เปิดนาทีสุดซึ้ง ครั้งแรกลูกสาวได้เห็นพ่อ #ผู้ว่าสมุทรสาคร ครั้งแรกผ่านห้องกระจก คุณหมอ เล่าให้เห็นภาพ #พ่อเมืองมหาชัย ห่วงใยภาระหน้าที่มาก เมื่อพูดถึง “ศูนย์ห่วงใยสาคร” ให้ท่านฟัง…
 
 
รองศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ระบุว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข แต่ถ้ามันมากนักกำลังกายและพลังสมองคงจะแปรผกผันและลดถอยไปตามกาลเวลา แม้ใจจะอ้างว่ายังสู้ก็ตาม ลืมเล่าไปเมื่อวานว่าคืนวานซืนหนึ่งวันก่อนที่จะมาทำหัตถการพิเศษทางระบบการหายใจให้พ่อเมืองสาคร ลูกสาวคนเล็กถามด้วยความห่วงใย (คนทำหรือหรือคนถูกทำหัตถการ) ว่า ปีนี้อายุก็จะครบห้ารอบเต็มแล้ว พ่อทำหัตถการนี้ด้วยตัวเองไปครั้งสุดท้ายเมื่อไร ตอบไปว่านานมากจนจำไม่ได้แล้ว แต่ยังกำกับการทำหัตถการนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อฝึกฝนหมอปอดมาตลอด 30 ปีไม่เคยห่างเลยนะ อารามรีบร้อนจึงลืมถามไปว่าเขาคิดอย่างไรถึงถามออกมาเช่นนั้น
 
 
เมื่อวานหลังได้บรีฟและทบทวนแผนงานก่อนเริ่มงาน ให้ทีมแพทย์ ทีมพยาบาล และทีมเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเข้าช่วยทำหัตถการ หลังเล่าเรื่องที่ลูกสาวเอ่ยปากทักให้ฟัง ทุกคนสีหน้าราบเรียบยอมรับโดยดุษณีไม่มีใครแสดงความเห็น การทำหัตถการเป็นไปโดยเรียบร้อย (คนทำคิดเอาเองคนเดียวนะ) คนช่วยใกล้ชิดดูตื่นเต้นและลนกันไปบ้างกว่าธรรมชาติที่เคยเป็น หลังทำได้แจ้งผลผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเรียบร้อยดี มีเสียงนินทาจากลูกศิษย์คนสนิทมาเข้าหูคนสังขารร่วงโรย ทำนองว่าก่อนทำหัตถการทุกคนที่เกี่ยวข้องเห็นพ้องกับที่ลูกสาวคนเล็กทักมา แต่หลังทำไม่กล้าถาม ขอฝากรอยช้ำ (ใจ) นี้ไว้ก่อน รอประเมินผลการปฏิบัติงานรอบ 6 เดือนครั้งหน้าเถอะ ลูกน้องทั้งหลายรวมลูกสาวคนเล็กด้วย (เขาครบรอบประเมินก่อนตั้งงบค่าใช้จ่ายรายเดือนส่วนตัวให้ใหม่) รับรองมีลุ้นเหมือนบอลพรีเมียร์ลีก
 
 
วันนี้ได้เข้าเยี่ยมพ่อเมืองสาครใกล้ชิดเป็นครั้งที่ 4 ต่างกันที่ครั้งนี้แต่งตัวป้องกันลดระดับลงเพราะท่านตรวจไม่พบเชื้อโควิดในปอดแล้ว และเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้บุตรีคนโตท่าน ได้มองเห็นภาพการเยี่ยมจากห้องกระจกด้านนอกในระหว่างที่เข้าเยี่ยม ท่านนอนนิ่งโดยใช้เครื่องช่วยหายใจพร้อมยาทำให้สงบบนเตียงผู้ป่วย รับฟังการสนทนาฝ่ายเดียวเช่นครั้งก่อน เริ่มต้นจากการทักทายกันหลังห่างหายไปหลายวัน แล้วจึงเล่าเรื่องที่ได้ติดตามให้ข้อมูลกับภรรยาและบุตรีท่านมาตลอดพร้อมข้อห่วงใยที่สมาชิกครอบครัวทั้ง 5 สาวฝากมา พร้อมกับแจ้งความคืบหน้าผลการตรวจรักษาของตัวท่านเองและแผนการดูแลรักษาต่อไป
 
 
ปิดท้ายด้วยความคืบหน้าเรื่องโรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยสาคร” ที่ท่านเป็นห่วงเป็นนักเป็นหนาก่อนป่วยหนักครั้งนี้ ตอนนี้ขึ้นรูปได้กว่า 2,000 เตียงแล้ว ใช้งานไปแล้ว 1,500 เตียง และกำลังจัดสร้างให้ได้จนครบ 3,600 เตียง เพื่อให้เพียงพอกับผู้ป่วยหลักร้อยต่อวันจากการตรวจเชิงรุกในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ช่วงนี้เองที่เห็นคลื่นสมองที่มีเครื่องติดตามอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พร้อมน้ำตาเอ่อล้นที่หัวตาทั้งสองข้าง เสียดายว่าลืมแจ้งท่านถึงความห่วงใยที่หัวเรือใหญ่ของคณะรัฐมนตรีได้ฝากผ่านมาด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง