ด่วน! หมอประสิทธิ์ ยัน จนท. รพ.ศิริราช 6 ราย ติดโควิดจากชุมชน ไม่ใช่จากการทำงาน
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 64 ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงกรณีบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ศิริราช มีผลยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 มกราคม มีเจ้าหน้าที่เดินเอกสาร ที่ตึกอดุลยเดชวิกรม ที่รับเชื้อโควิด-19 มาจากชุมชน และเมื่อมาทำงานมีอาการ จึงมาตรวจเชื้อที่โรงพยาบาล(รพ.) ซึ่งพบว่า ติดเชื้อ และพบว่ามีผู้ใกล้ชิดเสี่ยงสูง 4 ราย จึงรับการตรวจเชื้อพบว่ามี 3 ใน 4 ราย มีผลบวก ดังนั้นเมื่อรวมกับเจ้าหน้าที่เดินหนังสือแล้วเป็น 4 ราย และได้รับการรักษาที่ รพ.ศิริราช ทันที
ขณะเดียวกันมีอีก 50 รายที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด แต่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงปานกลาง จึงนำมาตรวจสว็อบ(Swab)ด้วยวิธี RT-PCR อย่างเต็มรูปแบบ ผลการตรวจพบติดเชื้อ 2 ราย รวมเป็น 6 ราย ส่วน 48 ราย ที่ไม่พบเชื้อ แต่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ก็จะให้กักตัวที่บ้านและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ แต่หากไม่สะดวก เช่น อยู่ในหอพัก ที่บ้านมีผู้สูงอายุ ก็ให้กักตัวในสถานที่ที่คณะฯ จัดให้ และตรวจซ้ำ ในวันที่ 7 และ 14 ของการกักตัว ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มเสี่ยงปานกลาง เป็นผู้ที่ไม่มีอาการ เมื่อสอบสวนโรคพบว่ามี 20 ราย ก็ให้หยุดงานเพื่อกักตัวและต้องตรวจหาเชื้อในวันที่ 7 และ14 เช่นกัน ขณะที่ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เป็นผู้ที่อยู่ภาควิชาเดียวกันแต่ไม่ได้สัมผัสกันมีอยู่ 4 ราย ไม่จำเป็นต้องหยุดงาน แต่ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและจะนัดทำการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง
“บุคลากรทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย เป็นบุคลากรทำงานในอาคารหนึ่ง คือตึกอดุลยเดชวิกรม เป็นอาคารเกี่ยวกับการศึกษา เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ปิดอาคาร เพื่อทำความสะอาดทุกจุด และประกาศว่าสำหรับคนใน รพ.ศิริราช ที่มีอาการแบบติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด คัดจมูก ภายในเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ให้เข้ามาตรวจ เพราะเรามีคนเข้าออกศิริราชวันละเกือบ 4 หมื่นคน เราไม่อยากให้เกิดการพลาด ดังนั้น เราจึงเปิดคลินิก ARI Clinic ตรวจสว็อบในทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-15.00 น.” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า สรุปเหตุการณ์ครั้งนี้มี 1 ราย รับเชื้อจากข้างนอก นำเข้ามาในรพ.ศิริราช และเกิดการกระจาย อยู่ภายในวงของรพ. แต่โชคดีที่ทำงานอยู่ในอาคารที่ไม่เกีย่วกับผู้ป่วย และสามารถสอบสวนโรคอยู่สัมผัสและผู้อยู่ในอาคารได้ครอบคลุม ดำเนินการตรวจทั้งหมดหลายสิบราย พบว่ามี 6 รายที่อยู่ในเกณฑ์ป่วยและต้องเข้ารักษาอยู่ ส่วนผู้ที่กักตัวเฝ้าสังเกตอาการอยู่จะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งก่อนออกจากกระบวนการกักตัว