รัสเซียรับรองสาธารณรัฐกบฏยูเครน มีความสำคัญแค่ไหน
สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ ในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ประกาศอิสรภาพออกจากยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีประเทศใดยอมรับทั้งคู่ในฐานะรัฐที่มีอธิปไตยเป็นของตนเอง
นี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่รัสเซียระบุว่าจะไม่มองภูมิภาคดอนบาสว่าเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนแล้ว ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้รัสเซียส่งทหารเข้ามาประเทศเอกราชนี้ได้อย่างเปิดเผย โดยใช้ข้ออ้างที่ว่า ต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่อปกป้องชาติพันธมิตรจากการรุกรานของยูเครน
อเล็กซานเดอร์ โบโรได สมาชิกรัฐสภารัสเซีย ซึ่งเคยเป็นอดีตนักการเมืองในโดเนตสค์ เคยกล่าวกับสำนักข่าว Reuters เมื่อเดือนที่แล้วว่า กลุ่มกบฏต้องการความช่วยเหลือจากรัสเซียในการยึดพื้นที่ของภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮันสค์ ในส่วนที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพยูเครนอยู่
ทั้งนี้ หากรัสเซียเข้าแทรกแซง ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหารอย่างเปิดเผยระหว่างรัสเซียกับยูเครน
---เปิดข้ออ้างของปูติน---
ปูติน กล่าวในแถลงการณ์ที่ถ่ายทอดไปทั่วประเทศเรื่องการรับรองเอกราชของสองรัฐนี้ว่า ยูเครนนั้นเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ และมีรัฐบาลที่เป็นหุ่นเชิดของสหรัฐฯ
ยูเครนไม่เคยมีประเพณีของความเป็นรัฐที่แท้จริง และยูเครนยุคใหม่นั้นสร้างมาโดยรัสเซีย นอกจากนี้ เขายังโจมตีความพยายามของยูเครนในการเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อรัสเซีย ในขณะที่นาโต้เองก็เพิกเฉยข้อเรียกร้องเรื่องความกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซียมาโดยตลอด
ในตอนท้าย เขากล่าวว่ารัสเซียจะรับรองสถานะของพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยูเครนครอบครอง และเตือนยูเครนว่า ต้องหยุดยิงโจมตีพื้นที่ดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะต้องเจอกับผลที่ตามมา
สำหรับกรณีนี้ ประธานาธิบดีปูติน ได้สั่งการให้กองทัพรัสเซียเตรียมปฏิบัติที่เรียกว่า “รักษาสันติภาพ” ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
---ภูมิภาคดอนบาสใกล้ชิดรัสเซียแค่ไหน---
เมื่อวันจันทร์ (21 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเผยว่า รัสเซียได้ออกหนังสือเดินทางกว่า 800,000 ฉบับให้กับพลเมืองในดอนบาสไปตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2019 ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามคำสั่ง อนุญาตให้พวกเขาสามารถขอสัญชาติได้ด้วยกระบวนการที่เร็วขึ้น
อดีตเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโดจากโดเนตสค์เคยเผยเมื่อปี 2016 ว่า รัสเซียช่วยอุดหนุนเงินเกษียณและเงินข้าราชการในสองภูมิภาคกบฏนี้ เพราะนับตั้งแต่เกิดสงคราม รัฐบาลยูเครนก็ระงับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการให้กับคนที่มีชื่อพำนักในพื้นที่ที่กลุ่มกบฎควบคุม และทำให้ภูมิภาคดอนบาส ซึ่งก่อนหน้านี้พึ่งพาอุตสาหกรรมหนักในการสร้างรายได้ ก็ต้องปิดกิจการลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธเรื่องการจ่ายเงินให้ข้าราชการในสองพื้นที่นี้
ขณะเดียว ทั้งสองภูมิภาคยังเลิกใช้สกุลเงินฮริฟเนียของยูเครน และเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินรูเบิลของรัสเซียแทน นอกจากนี้ โรงเรียนท้องถิ่นยังใช้หลักสูตรการเรียนการสอนของรัสเซีย แทนที่หลักสูตรของยูเครนด้วย
ปลายปีที่แล้ว ประธานาธิบดีปูติน ได้สั่งให้รัฐบาลรัสเซียยกเลิกข้อจำกัดด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างรัสเซียและภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮันสค์ ทางการรัสเซียระบุวา เพื่อเป็นการชดเชยการที่สองภูมิภาคนี้ถูกปิดกั้นทางเศรษฐกิจกับส่วนที่เหลือของยูเครน แน่นอนว่า กระทรวงต่างประเทศยูเครน ระบุว่า ความเคลื่อนไหวนี้ของปูติน ยิ่งเป็นการเพิ่มการแทรกแซงเข้ามาในกิจการภายในของยูเครน และมีการส่งหนังสือประท้วงมายังกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว รัสเซียได้เริ่มส่งวัคซีนสปุตนิก-วี ต้านโควิด-19 มายังโดเนตสค์ แม้ว่ารัฐบาลเคียฟแบนการใช้วัคซีนนี้ก็ตาม เพราะตอนนั้นยูเครนรอการส่งมอบวัคซีนจากชาติตะวันตกอยู่
---ข้อตกลงมินสค์ไปต่อหรือแช่นิ่ง---
การรับรองความเป็นเอกราชของสองภูมิภาคนี้ เท่ากับว่าเป็นการฆ่าข้อตกลงสันติภาพมินสค์ที่ทำขึ้นในช่วงปี 2014-2015 ซึ่งในช่วงเวลานี้ ทุกฝ่ายมองว่า ข้อตกลงมินสค์คือโอกาสที่ดีที่สุดในการคลายวิกฤตนี้
สำหรับข้อตกลงนี้ เป็นการให้อำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้นสำหรับต่อภูมิภาคที่กลุ่มกบฎยึดครองแต่ยังอยู่ภายในยูเครน
---การรับรองเอกราชนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับรัสเซีย---
ก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยรับรองเอกราชของอับคาเซียและเซาธ์ ออสซีเทีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่แตกมาจากจอร์เจีย อดีตสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต หลังการสู้รบกันในปี 2008 โดยรัสเซียได้ให้ความช่วยเหลือของภูมิภาคนี้ด้านงบประมาณ และขยายการให้สัญชาติรัสเซียต่อพลเมืองในพื้นที่ดังกล่าว และประจำการทหารรัสเซียที่นั่น
ความเคลื่อนไหวนี้ จึงทำให้นักวิเคราะห์มองว่า ปูตินกำลังเล่นเกมตามตำราเก่า ๆ “drawing an old playbook”
---เกมนี้ดีหรือเสียสำหรับรัสเซีย---
สำหรับกรณีของจอร์เจีย รัสเซียใช้การรับรองเอกราชนี้เป็นโอกาสในการส่งทหารไปประจำการอย่างเปิดเผย เป็นการดับฝันความพยายามของจอร์เจียในการเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้เพราะจอร์เจียไม่สามารถควบคุมผืนแผ่นดินทั้งหมดของตนเองได้อย่างเป็นเอกภาพ ทำให้มีการมองว่า อาจเป็นแนวคิดเดียวกันนี้สำหรับกรณีของยูเครน
แต่ในแง่ลบของความเคลื่อนไหวนี้ ก็คือ รัสเซียจะเผชิญการคว่ำบาตรจากนานาชาติมากขึ้น เพราะละทิ้งข้อตกลงมินสค์ หลังให้คำมั่นมานานว่าจะเคารพข้อตกลงนี้ และรัสเซียยังจะต้องดูแลสองภูมิภาคดังกล่าวที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักมากจากสงครามที่ยาวนานกว่าแปดปี และต้องการการอุ้มชูเรื่องเศรษฐกิจจากรัสเซียมหาศาล
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Getty Images