จบแล้ว "ชัตดาวน์สหรัฐฯ" สส.ผ่านร่างงบประมาณ-ทรัมป์ลงนามบังคับใช้ สั่งหน่วยงานรัฐเปิดทำการ หลังปิดยาว 43 วัน

“ทรัมป์” ลงนามร่างงบประมาณชั่วคราวอย่างเป็นทางการ ปิดฉากภาวะ"ชัตดาวน์" รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ยาวนาน 43 วัน มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามบังคับใช้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อคืนวันพุธ(12 พฤศจิกายน 2568) หรือช่วงเช้ามืดตามเวลาในประเทศไทย เพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ด้วยคะแนนเสียง 222 ต่อ 209 เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ภาวะชัตดาวน์จะเข้าสู่วันที่ 43
ทรัมป์กล่าวก่อนลงนามในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวระบุว่า “เดโมแครตพยายามรีดไถประเทศของเรา” พร้อมระบุว่าวุฒิสมาชิกเดโมแครตขัดขวางการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณมาตั้งแต่วันอาทิตย์ ก่อนที่กลุ่มหนึ่งในพรรคจะยอมสนับสนุนมาตรการดังกล่าวในที่สุด พร้อมย้ำว่า “พรรครีพับลิกันไม่เคยต้องการให้เกิดชัตดาวน์และมีผู้คนเดือดร้อนหนักมาก
ทรัมป์ยังกล่าวว่า “เราต้องไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด” พร้อมเรียกร้องให้วุฒิสภายกเลิกกฎการอภิปรายถ่วงเวลา (filibuster) ที่กำหนดให้ต้องใช้เสียงอย่างน้อย 60 เสียงในการผ่านกฎหมาย รวมถึงร่างงบประมาณชั่วคราว
ทั้งนี้มีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 2 คนในสภาผู้แทนราษฎรที่โหวตคัดค้าน ได้แก่ โธมัส แมสซี จากรัฐเคนทักกี และ เกร็ก สตูบี จากรัฐฟลอริดา ในฝั่งเดโมแครต มีสมาชิกเพียง 6 คนที่ลงคะแนนไม่เห็นชอบกับร่างกฎหมาย ทำให้ภาวะชัตดาวน์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 และดำเนินต่อเนื่องมาโดยตลอด เนื่องจากวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะสนับสนุนร่างงบประมาณที่ไม่มีการขยาย “เครดิตภาษีเพิ่มเติม” สำหรับลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพภายใต้โครงการ "Affordable Care Act" ให้กับชาวอเมริกันราว 20 ล้านคน
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดการชัตดาวน์ ได้ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน หนึ่งในนั้นคือปัญหาด้านการบิน ก่อนหน้านี้ในคืนวันพุธ กระทรวงคมนาคมสหรัฐได้ประกาศตรึงระดับการลดเที่ยวบินที่สั่งใช้ก่อนหน้า หลังขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินในช่วงชัตดาวน์ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เที่ยวบินในสนามบินสหรัฐฯ ถูกยกเลิกไปแล้ว 6% และคาดว่าจำนวนนี้จะเพิ่มเป็น 10% ภายในวันศุกร์
การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสองวันหลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการที่พรรครีพับลิกันซึ่งครองเสียงข้างมากบรรลุข้อตกลงกับสมาชิกพรรคเดโมแครต 8 คน เพื่อยุติภาวะชะงักงันที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม
"ข้อตกลง" 2 พรรค รีพันลิกัน-เดโมแครต เพื่อจบการชัตดาวน์-ประเทศได้ไปต่อ
ตามข้อตกลงในวุฒิสภา พรรครีพับลิกันยอมให้พรรคเดโมแครตมีโอกาสเสนอร่างกฎหมายเพื่อต่ออายุเครดิตภาษีดังกล่าวในเดือนธันวาคม ซึ่งเครดิตนี้กำลังจะหมดอายุปลายปี หากไม่มีเครดิตภาษีนี้ ชาวอเมริกันจำนวนมากจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพภายใต้โครงการ "Obama care" สูงขึ้นอย่างมาก
ข้อตกลงดังกล่าวยังระบุว่าจะยกเลิกการเลิกจ้างพนักงานรัฐที่เกิดขึ้นในช่วงชัตดาวน์ทั้งหมด และรับประกันว่าพนักงานทุกคนจะได้รับเงินเดือนเต็มจำนวนอย่างที่ควรได้รับ หากไม่เกิดการปิดหน่วยงาน และร่างกฎหมายนี้ยังให้เงินเดือนย้อนหลังแก่พนักงานของรัฐบาลกลางทุกคนที่ไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงที่มีการชัตดาวน์
แพ็กเกจนี้ยังจัดสรรงบประมาณให้กับโครงการ SNAP ซึ่งช่วยเหลือด้านอาหารให้กับชาวอเมริกัน 42 ล้านคน และยังรวมถึงมาตรการส่งเสริมการจัดทำนโยบายงบประมาณแบบสองพรรค รวมถึงการจำกัดไม่ให้ทำเนียบขาวใช้ร่างงบประมาณชั่วคราว (Continuing Resolutions: CRs) ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งที่ผ่านมาเป็นวิธีหลีกเลี่ยงชัตดาวน์
ข้อตกลงนี้บรรลุขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ หลังมีข่าวการล่าช้าในการเดินทางทางอากาศเนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินไม่มาทำงาน และรายงานว่ารัฐบาลทรัมป์พยายามยุติหรือจำกัดการให้สวัสดิการอาหารสำหรับประชาชน 42 ล้านคน
“ทำเนียบขาว” ออกคำสั่งให้พนักงานรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงาน หลังสหรัฐฯยกเลิกภาวะชัตดาวน์
ทั้งนี้หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้ร่างกฎหมายงบประมาณ เพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ “ทำเนียบขาว” ก็ได้ออกคำสั่งให้พนักงานรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงานทันที
ทำเนียบขาวได้สั่งการให้พนักงานของหน่วยงานรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงานในวันพฤหัสบดี (13 พฤศจิกายน 2568) ตามเวลาสหรัฐ หลังรัฐบาลสหรัฐกลับมาเปิดทำการอีกครั้งภายหลังภาวะชัตดาวน์ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้พนักงานราว 600,000 คนต้องหยุดงานชั่วคราว สำนักงานหลายแห่งถูกปิด และเงินเดือนรวมถึงงบประมาณการจ่ายต่าง ๆ ถูกระงับเป็นวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์
สำนักงานบริหารและงบประมาณของทำเนียบขาว (OMB) ระบุในบันทึกเมื่อวันพุธว่า “ดังนั้น หน่วยงานต่าง ๆ ควรดำเนินการทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้สำนักงานกลับมาเปิดทำการอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 พนักงานที่ถูกสั่งพักงานเนื่องจากไม่มีงบประมาณให้ใช้ควรถูกสั่งให้กลับเข้าทำงานในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568”
แผนการปิดหน่วยงานจำนวนมากที่เผยแพร่ก่อนชัตดาวน์เริ่มต้น ได้คาดหมายไว้ว่าพนักงานอาจได้รับความยืดหยุ่นเพิ่มเติมในการกลับเข้าทำงาน เช่น การอนุญาตให้ใช้วันลางานสะสม วันชดเชยเวลา (comp time) อย่างเสรี หรือแม้กระทั่งการทำงานจากบ้าน (telework) แม้ว่ารัฐบาลทรัมป์จะพยายามลดการใช้รูปแบบการทำงานดังกล่าวก็ตาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
