'เดลี' เผยปชช. 56% มี 'แอนติบอดี' ต้านโควิด-19 ลุ้นภูมิคุ้มกันหมู่ใกล้สำเร็จ
นิวเดลี, 3 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (2 ก.พ.) สตเยนทร แชน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกรุงเดลี เมืองหลวงของอินเดีย กล่าวว่าผลสำรวจสิ่งส่งตรวจที่รวบรวมจากประชากร (sero-survey) ในเดลี พบประชาชนราวร้อยละ 56 มีแอนติบอดีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
"ผลสำรวจสิ่งส่งตรวจในเดลี ครั้งที่ 5 พบประชากรร้อยละ 56.13 มีแอนติบอดี" แชนเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ "นี่เป็นการสำรวจครั้งใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลเดลีเคยทำมา"
แชนกล่าวว่าเดลีสามารถยับยั้งโรคโควิด-19 ได้แล้ว แต่ยังคงเน้นย้ำการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ป้องกันโรคโควิด-19 ต่อไป
"เดลีหยุดยั้งโรคโควิด-19 สำเร็จเป็นส่วนใหญ่ แต่เราควรปฏิบัติตนตามแนวทางที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง"
การทดสอบซึ่งบ่งชี้การติดเชื้อในอดีต (Serology tests) มักถูกใช้เฝ้าระวังโรคระบาดในชุมชน สามารถใช้กับผู้ที่เคยมีผลตรวจโรคเป็นบวกหรือผู้ป่วยไม่แสดงอาการ โดยจะช่วยเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันต้านโรคโควิด-19
"พื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของเดลีมีความชุกของระดับภูมิคุ้มกันมากสุดที่ร้อยละ 62.18 ขณะพื้นที่ตอนเหนือของเดลีมีความชุกของระดับภูมิคุ้มกันต่ำสุดที่ร้อยละ 49.09" แชนกล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจสิ่งส่งตรวจจากประชากรในเดลี ครั้งที่ 5 บ่งชี้ว่าเดลีอาจใกล้บรรลุเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ต่อโรคโควิด-19 แล้ว โดยการสำรวจที่สิ้นสุดลงไม่นานนี้ได้เก็บรวบรวมตัวอย่างจากประชาชนในหลายเขตของเมืองกว่า 25,000 คน
เดลีเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 หนักหน่วงเป็นอันดับ 6 ของอินเดีย มีผู้ป่วยสะสม 635,217 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 10,856 ราย ขณะในภาพรวมอินเดียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่รุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลก