11.8 ล้านคนเสี่ยงตกงาน คาดต้องใช้เวลาอีก 2 ปี เศรษฐกิจจึงจะฟื้นกลับมา
อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ชี้ในปี 2564 ลูกจ้าง 11.8 ล้านคนเสี่ยงตกงาน คาดต้องใช้เวลาอีก 2 ปี เศรษฐกิจจึงจะฟื้นกลับมา แนะรัฐต้องมาตรการส่งเสริมการจ้างงาน
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.กิริยา กุลกลการ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในการเสวนา เรื่องการจ้างงานและคุ้มครองแรงงานหลังโควิด จัดโดยภาคีสังคมแรงงานสู้โควิด เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า มาตรการเยียวยาจากภาครัฐได้สิ้นสุดในเดือนส.ค. เชื่อว่าตัวเลขว่างงานจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลหนึ่งที่น่ากังวลคือ ผลการศึกษาของธนาคารเอกชนรายหนึ่ง ที่ศึกษางบการเงินของสถานประกอบการจำนวน 4 แสนแห่ง พบว่ามีกว่า 38% มีปัญหาสภาพคล่องภายในปี 2564 และ 28% มีความเสี่ยงเปราะบาง โดยเป็นกิจการโรงแรม ร้านอาหาร ประมง สวนสนุก ลูกจ้างจำนวน 11.8 ล้านคน มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบ ลดเงินเดือน ตกงาน
รศ.ดร.กิริยา กล่าวต่อว่า เมื่อสถานประกอบการมีปัญหาสภาพคล่อง ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ต้องมีการเลิกจ้าง ดังนั้น หากรัฐไม่มีมาตรการส่งเสริมการจ้างงานที่จะเป็นการประคับประคองภาคธุรกิจ รักษาการจ้างงานเพื่อลดการเลิกจ้างที่สูงมากเกินไป โดยรัฐบาลต้องอุดหนุนร่วมจ่ายค่าจ้างกับนายจ้าง
“เรื่องนี้ต้องมีความระมัดระวัง คัดกรองนายจ้างที่เข้าร่วมโครงการที่ต้องประสบปัญหาจริง เนื่องจากจะมีสถานประกอบการที่มีศักยภาพในการจ่าย และยังมีการผลิต ยังต้องการรักษาคนงาน แต่ต้องการได้ประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายจากเรื่องนี้ และเลิกจ้างคนงานเมื่อสิ้นสุดโครงการ ที่จะสูญเสียงบประมาณ และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจะต้องยุติโครงการโดยทันที” รศ.ดร.กิริยา กล่าว
ด้าน นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2 ติดลบ 12% การนำเครื่องจักรติดลบ 25% สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีการลงทุนใหม่ การฟื้นตัว การจ้างงานจะไม่ปรากฏในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลา 2 ปี เศรษฐกิจจึงจะกลับมาเช่นก่อนเกิดโควิด และขณะนี้ยังไม่ถือว่าได้ผ่านในช่วงต่ำสุด
นายธนิต กล่าวอีกว่า หลังโควิดหลายอาชีพจะหายไป ทักษะปัจจุบันไม่ตอบโจทย์ในอนาคต ประสบการณ์มีค่าเป็นศูนย์ การลงทุนใหม่จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี ดังนั้น การจ้างงานภาคธุรกิจภาคส่วนต่างๆ จะต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คนจะตกงานอย่างมากมาย