รีเซต

ไฟสงครามลามตลาดหุ้น หนุน ”กลุ่มพลังงาน” พุ่ง กลุ่มสายการบิน – ท่องเที่ยว ทรุดหนัก

ไฟสงครามลามตลาดหุ้น หนุน ”กลุ่มพลังงาน” พุ่ง กลุ่มสายการบิน – ท่องเที่ยว ทรุดหนัก
TNN ช่อง16
22 มิถุนายน 2568 ( 02:19 )
29

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DAOL ระบุว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เช้าวันที่ 13 มิ.ย.2025 (เวลาประเทศไทย) ที่ผ่านมาอิสราเอลและอิหร่านได้ผลัดกันโจมตีไปมาอย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งฝ่ายวิจัยเชื่อว่ามีโอกาสที่สงครามจะยืดเยื้อ แม้อิหร่านประกาศจะหยุดตอบโต้หากอิสราเอลหยุดโจมตี แต่อิสราเอลไม่ได้รับความกดดันที่ทั้งในและต่างประเทศให้หยุดการโจมตี 

อีกทั้ง มีการคาดกันว่าการโจมตีของอิสราเอลอาจจะเป็นเพื่อเป็นการกำจัดโรงงานนิวเคลียร์หรือเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของอิหร่าน ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ามีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบ Brent จะขึ้นไปใกล้ระดับ USD80/bbl หรือสูงกว่าได้ อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นฝ่ายยังประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยของเราไว้ที่ USD70/bb

เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น : คาดราคาพลังงานต้นน้ำที่น่าจะสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน (โดยเฉพาะพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น)

กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น: ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า PTTEP จะได้ประโยชน์จากราคาขายน้ำมันเฉลี่ย (liquid ASP) ที่ปรับตัวสูงขึ้น 

ในขณะที่ โรงกลั่นน่าจะได้แรงหนุนจากกำไรจากสต๊อก (stock gain) ที่สูงขึ้นและอาจรวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ดีขึ้น 

แนะนำ 

PTTEP (ซื้อ/เป้า 130 บาท) 

TOP (ซื้อ/เป้า 36 บาท)

SPRC (ซื้อ/เป้า 6.50 บาท)และ BCP (ถือ/เป้า 34 บาท)

ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะได้รัผลกระทบเป็นลบ ประกอบด้วยกลุ่มโรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, ค้าปลีกน้ำมัน, ท่องเที่ยวและสายการบิน,กลุ่มส่งออก, และกลุ่มค้าปลีก ซึ่งอาจจะเห็นต้นทุนที่สูงขึ้น 

กลุ่มโรงไฟฟ้า: มีโอกาสที่ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น แต่ค่า Ft ไม่สามารถปรับสะท้อนได้จากความพยายามควบคุมค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ เป็น negative sentiment ต่อโรงไฟฟ้า SPP โดยเรียงลำดับจากหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมากไปน้อยคือ GPSC (ซื้อ/เป้า 40 บาท), BGRIM (ซื้อ/เป้า 20 บาท), GULF (ซื้อ/เป้า 63 บาท)

กลุ่มปิโตรเคมี : มองว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ (feedstock) ที่สูงขึ้น ในขณะที่ ราคาขายยังมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแออยู่ ทั้งนี้ แนะนำ SCC (ขาย/เป้า 140 บาท), PTTGC (ถือ/เป้า 21 บาท), และ IVL (ถือ/เป้า 22 บาท)

กลุ่มค้าปลีกน้ำมัน : ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมีโอกาสกดดันค่าการตลาดอย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงลบอาจจะถูกลดทอนด้วยความจริงที่ว่าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีความแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับ negative sentiment คือ OR (ขาย/เป้า 12.50 บาท) และ PTG (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท)

กลุ่มท่องเที่ยว : ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจาก Middle East มีโอกาสลดลงได้ โดย 5เดือนแรกปีนี้ มีสัดส่วนที่ 1.4% ของนักท่องเที่ยวรวม หุ้นที่ได้รับnegative sentiment คือ (ERW (ถือ/เป้า 2.50 บาท),  CENTEL (ซื้อ/เป้า 29 บาท)

กลุ่มสายการบิน : มองว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจคิดเป็นประมาณ 30%-40% จากรายได้รวม หุ้นที่ได้รับ negative sentiment คือ AAV (ถือ/เป้า 1.50 บาท), BA (เป้า consensus 21.83 บาท)

กลุ่มส่งออก : ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปตะวันออกกลาง รวมถึงค่าขนส่งโดยรวมที่อาจสูงขึ้น โดย AAI (ซื้อ/เป้า 6 บาท) มีโอกาสได้รับผลกระทบมากสุดเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ไปตะวันออกกลางราว 8% ขณะที่หุ้นอื่นๆ ที่อาจได้รับ negative sentiment ได้แก่ TU (ถือ/เป้า 10.50 บาท), ITC (ถือ/เป้า 14 บาท), และ GFPT (ซื้อ/เป้า 12 บาท) และกลุ่มส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวไป Middle east นอกจากมีโอกาสได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นและทำให้คำสั่งซื้อตัวชะลอตัว PLUS (ถือ/เป้า 3.50 บาท) มีสัดส่วนรายได้จาก Middle East 11% และ COCOCO (ซื้อ/เป้า 11.50 บาท) ที่ 2%

กลุ่มค้าปลีก : ได้รับผลกระทบจำกัดตามผลกระทบของนักท่องเที่ยวจาก Middle east ลดลง โดยมองว่าหุ้นที่ได้รับ negative sentiment มากที่สุดคือ CRC (ถือ/เป้า 27 บาท)


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง