เมืองที่มีฝุ่น PM 2.5 มากทำคนเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้มากกว่า
วันนี้ ( 15 เม.ย. 63 )ปัจจัยในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นคำถามสำคัญ เพราะตามข้อมูลเชิงประจักษ์ในตอนนี้ แต่ละประเทศมีการแพร่ระบาดในอัตราที่แตกต่างกัน ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และความรวดเร็วในการแพร่กระจายโรค
งานวิจัยจากจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดบ่งชี้ว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ อาศัยอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมลภาวะ ในสภาพอากาศที่มีฝุ่น PM 2.5 มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า ผู้ติดเชื้อในเมืองที่อากาศดี
งานวิจัยชิ้นนี้ นำข้อมูลด้านสาธารณสุข เกี่ยวกับสุขภาพของประชน ที่มีความสัมพันธ์กับสภาพอากาศ ใน 3,080 เมือง ของสหรัฐอเมริกา ที่นักวิจัยเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องมา 17 ปี มาใช้วิจัยต่อยอดเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19
ตัวอย่างสำคัญ ในงานวิจัยชิ้นนี้ บ่งชี้ว่า หากอากาศในเขตแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ก มีค่าเฉลี่ยของ ฝุ่น PM 2.5 เพียง 1 ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร ในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ,อัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จะลดลงไปได้ถึง 248 คน เมื่อเทียบกับตัวเลขผู้เสียชีวิตในเขตแมนฮัตตันในปัจจุบัน
ข้อมูลดังกล่าว จึงเป็นการแจ้งเตือนให้ บรรดาเมืองอุตสหกรรมต่างๆในสหรัฐ หรือประเทศอื่นๆที่มีค่า PM 2.5 รีบเตรียมรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่า ณ ตอนนี้ หลายๆเมืองที่อากาศเป็นพิษ จะยังมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่า นิวยอร์ก หลายเท่า
หากย้อนกลับไป เราจะพบว่า เมืองที่อากาศไม่ดี มีการแพร่ระบาดของไวรัส SARS มากกว่าเมืองที่มีอากาศดี เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของฮาวาร์ด ชิ้นนี้ เป็นการคำนวณ โดยใช้ กลวิธีทางสถิติ เป็นหลัก โดยยังไม่มีการนำตัวแปรอื่นๆ เข้าไปร่วม เช่น วิถีชีวิต ตั้งแต่การรับประทานอาหาร ,การออกกำลังกาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน
ทั้งนี้ เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ฝุ่น PM .2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจโดยตรงไปจนโรคร้ายแรงอื่นๆ ,สิ่งที่ทำได้ก็คือ การแก้ปัญหามลพิษในระยะยาว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand