รีเซต

เอเชียสาหัส โลกร้อนกระหน่ำทุกมิติ WMO ชี้หายนะยังไม่หยุดแค่นี้

เอเชียสาหัส โลกร้อนกระหน่ำทุกมิติ WMO ชี้หายนะยังไม่หยุดแค่นี้
TNN ช่อง16
24 มิถุนายน 2568 ( 10:30 )
9

รายงานสถานการณ์ภูมิอากาศในเอเชียประจำปี 2024 ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เผยว่า ทวีปเอเชียกำลังเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของอัตราเฉลี่ยทั่วโลก และปี 2024 ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดหรืออันดับสองในประวัติศาสตร์ของเอเชีย ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลที่ใช้ รายงานระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ อุณหภูมิบนบกและในทะเล มวลธารน้ำแข็ง และระดับน้ำทะเล ซึ่งจะส่งผลต่อระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคมในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ในปีที่ผ่านมา คลื่นความร้อนรุนแรงได้แผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเอเชีย โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1991–2020 ถึง 1.04 องศาเซลเซียส ซาอุดีอาระเบียประสบกับคลื่นความร้อนรุนแรงในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งตรงกับช่วงพิธีฮัจญ์ ทำให้มีผู้แสวงบุญเสียชีวิตอย่างน้อย 1,301 คน ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เผชิญกับอุณหภูมิที่สูงผิดปกติ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ทำลายสถิติอุณหภูมิหลายวันติดต่อกัน และมีรายงานผู้เสียชีวิตจากความร้อนอย่างน้อย 38 ราย ส่วนอินเดียมีผู้เสียชีวิต 112 คนจากคลื่นความร้อนที่อุณหภูมิทะลุ 50 องศาเซลเซียส ญี่ปุ่นมีทั้งเดือนกรกฎาคม ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วงที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ ขณะที่จีนและเกาหลีใต้ก็ทำลายสถิติอุณหภูมิหลายครั้งเช่นกัน

นอกจากนี้ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในเอเชียก็สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ประสบกับคลื่นความร้อนทางทะเล (marine heatwaves) ในระดับรุนแรงถึงรุนแรงมาก ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 1993 ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งระดับน้ำทะเลเกินค่าเฉลี่ยโลก กระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งที่ลุ่มต่ำอย่างรุนแรง


ในด้านภัยพิบัติ ภูมิภาคเอเชียเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรงจำนวนมาก เช่น พายุไต้ฝุ่นยางิที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ จีน เวียดนาม ลาว ไทย และเมียนมา ในเดือนกันยายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน และมีสิ่งปลูกสร้างพังเสียหายนับแสนแห่ง ขณะที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมรุนแรงเกิดขึ้นในหลายประเทศในเอเชียตะวันออก เช่น ปากีสถานที่มีเดือนเมษายนเปียกที่สุดเป็นประวัติการณ์ คาซัคสถานที่น้ำแข็งจากหิมะละลายท่วมเมืองใหญ่ รวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีปริมาณฝนสูงสุดตั้งแต่ปี 1949 และประเทศอื่นในอ่าวเปอร์เซียอย่างบาห์เรน โอมาน และอิหร่านก็เผชิญกับปรากฏการณ์คล้ายกัน

ฤดูมรสุมของเอเชียใต้ในปีนี้ก็นำมาซึ่งฝนตกหนักและน้ำท่วมใหญ่ในเนปาล อินเดีย และปากีสถาน รายงานยังเตือนว่า โลกจำเป็นต้องเร่งพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าและมาตรการปรับตัวเพื่อปกป้องชีวิตและวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคที่เปราะบางอย่างเอเชีย

 

แม้โลกจะร้อนขึ้นเฉลี่ย 1.3 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม แต่ข้อมูลระบุว่า ราว 20–40% ของประชากรโลก อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เคยเผชิญภาวะโลกร้อนเกินกว่า 1.5 องศาแล้วในบางฤดูกาลตั้งแต่ทศวรรษ 2006–2015 ทั้งนี้ ตามการประเมินของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกทุกๆ 0.5 องศา จะเพิ่มความถี่และความรุนแรงของคลื่นความร้อน ฝนตกหนัก และภัยแล้งในระดับภูมิภาคอย่างชัดเจน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง