ทนายรัชพล ร้อง ป.ป.ช.สอบ 'มงคลกิตติ์' ขัดประมวลจริยธรรม วิจารณ์คดีแตงโมแล้วโดนขู่
ข่าววันนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนนนทบุรี 1 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เดินทางมายื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เข้าข่ายขัดต่อประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 ข้อ 10
นายรัชพลกล่าวว่า คุณเต้ยอมรับเองว่าขู่ แต่ตอนหลังไปพูดว่าคิดไปเอง ถ้าเป็นลูกผู้ชายพูดคำไหนต้องคำนั้น ไม่ใช่กลางคืนบอกอย่างหนึ่ง เช้าบอกอย่างนึง หากเป็นผม ผมทำอะไรก็ยอมรับ ไม่ใช่ไปบอกว่าล้อเล่นหรือเปล่า คิดไปเองหรือเปล่า ตามพฤติกรรมในการข่มขู่ก็เข้าข่ายผิดจริยธรรมของนักการเมือง ดังนั้น วันนี้จึงมายื่น 6 ประเด็น กรณีเข้าข่ายขัดต่อประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองหรือไม่ 1.ไม่รักษาจรรยาของการเป็นข้าราชการการเมืองที่ดี 2.ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการเป็นพลเมืองดี เข้าข่ายไม่เคารพ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 3.ไม่ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม และศีลธรรม 4.ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม 5.ไม่เคารพและละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น แสดงกิริยา หรือ ใช้วาจาอันไม่สุภาพ และ 6. ไม่วางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน
“ประมวลจริยธรรมของนักการเมือง นักการเมืองก็ต้องปฏิบัติตาม แต่คุณยอมรับชัดเจนว่าคุณขู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดจริยธรรมของนักการเมือง แล้วโทษตามขั้นตอนคือถ้าไปร้องสภา สภาก็ต้องส่งมา ป.ป.ช.อีก ผมก็เลยมาร้องที่ ป.ป.ช. ถ้า ป.ป.ช.จะไต่สวน หากพบว่ามีความผิด หรือมีมูลก็จะส่งไปให้ศาลฎีกา หากศาลฎีการับเรื่องเมื่อไหร่ นายมงคลกิตติ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สุดท้ายถ้าศาลตัดสินว่าผิด คุณห้ามลง ส.ส.เลยตลอดชีวิต ซึ่งกฎหมายเขียนว่าตลอดไป และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เลย 10 ปี
“ผมไม่เคยไปยุ่งกับคุณเต้เลย ชื่นชมด้วยซ้ำที่เขามีความพยายามในการช่วยเหลือคดี แต่บางทีเวอร์ไป อยู่ดีๆ ก็มาพูดชื่อผม ดึงผมไปเกี่ยวข้องทำไม ผมก็วิพากษ์วิจารณ์บังแจ็คไปตามปกติ บนพื้นฐานแห่งความน่าเชื่อถือ แต่เขามาพูดอย่างนี้ เอาผมไปเกี่ยวข้อง มาเตือนผมก็ไม่เหมาะสม” นายรัชพลกล่าว
นายรัชพลกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้มาร้องในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับใคร เพราะทนายแต่ละคนทำงานอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร เราดูเป็นความผิดไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นการข่มขู่ให้ผู้อื่นกระทำการใด หรือไม่กระทำการใด ทำให้กลัว อันตรายต่อร่างกาย เราก็แจ้งไปตามข้อหาที่เราพบ