รีเซต

สถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานคร ปี 2567

สถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานคร ปี 2567
TNN ช่อง16
30 กันยายน 2567 ( 20:31 )
28

กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายปี 2567 แม้ว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงเทียบเท่ากับวิกฤตมหาอุทกภัยปี 2554 แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่หลากหลายทั้งจากธรรมชาติและการขยายตัวของเมือง


เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบสถานการณ์น้ำระหว่างปี 2567 และ 2554 พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในหลายด้าน ปี 2554 มีพายุเข้าประเทศไทยถึง 5 ลูก ส่งผลให้มีปริมาณฝนสะสมสูงกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปีอย่างมาก ในขณะที่ปี 2567 มีพายุเข้าเพียง 1 ลูก และปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,253 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียง 2% เท่านั้น ความแตกต่างนี้ส่งผลโดยตรงต่อปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่ระบบแม่น้ำและคลองในกรุงเทพฯ


ปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก 4 แห่งที่ส่งผลต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยาในปี 2567 มีมากถึง 6,744 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าปี 2554 ที่มีเพียง 1,153 ล้าน ลบ.ม. อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าตัวเลขนี้จะดูน่ากังวล แต่การบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการควบคุมการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 1,899 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เทียบกับปี 2554 ที่มีการระบายน้ำสูงถึง 3,546 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที


นอกจากนี้ ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ในปี 2567 อยู่ที่ 1,991 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำในปี 2554 ที่มีถึง 4,344 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สะท้อนให้เห็นถึงการควบคุมปริมาณน้ำที่ดีขึ้นก่อนเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ


อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครยังต้องเผชิญกับความท้าทายเฉพาะพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตที่มีประวัติน้ำท่วมซ้ำซาก เช่น เขตดอนเมือง ซึ่งมีปริมาณฝนตกหนักเฉลี่ยถึง 200 มิลลิเมตรในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนช่างอากาศอุทิศ ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยง


การเตรียมพร้อมรับมือของกรุงเทพมหานครในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต มีการจัดสรรงบประมาณ 53 ล้านบาทเพื่อยกระดับถนนและปรับปรุงระบบระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยง มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะในชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำประมาณ 16-17 ชุมชน และมีการแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังและเตรียมการรับมือ


สรุปแล้ว แม้ว่าสถานการณ์น้ำในปี 2567 จะมีความรุนแรงน้อยกว่าปี 2554 อย่างชัดเจน แต่กรุงเทพมหานครก็ไม่ได้ประมาท ยังคงมีการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการเตรียมพร้อมของชุมชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำในอนาคต ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กรุงเทพมหานครสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำเมืองให้กับเมืองอื่นๆ ในประเทศไทยต่อไป


ภาพ TNN

เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN

ข่าวที่เกี่ยวข้อง