"อนุทิน" ต่อยอด บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่
วันนี้ (31 มี.ค.64) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เปิดตัวหนังสือ "ระหว่างบรรทัด" ที่ถูกจัดทำขึ้นในการบันทึกประวัติศาสตร์มหากาพย์ "บัตรทอง" โดยมี ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นบรรณาธิการการบอกเล่าเรื่องราว
นายอนุทิน ได้ร่วมเสวนาพิเศษร่วมทางเดียวกันจาก "30 บาทรักษาทุกโรค" สู่ "30 บาทรักษาทุกที่" นาย อนุทิน ระบุว่าโครงการ 30 บาทรักษาโรค เป็นโครงการที่ดี มีการดำเนินการมากว่า 20 ปี โดยในช่วงแรกของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ได้ดำเนินการมาสักระยะหนึ่งแล้ว พอมาถึงปัจจุบันมองว่าโครงการต้องมีการพัฒนาจนนำมาสู่โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบการรักษามากขึ้น
ขอให้ประชาชนอย่ากังวลว่าโรงพยาบาลไหนจะล้มละลาย เนื่องจากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมเป็นโรงพยาบาลรัฐ แต่ยอมรับว่าพยาบาลหรือระบบ อาจจะไม่มีความคล่องตัว ก่อนที่จะมีโครงการ 30 บาท
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ป่วยมีปัญหาในการเข้ารับการรักษาใน 30 บาท คือ การส่งตัวไปรักษาต่อ จากจังหวัดนึงไปยังจังหวัดนึง เช่น ผู้ป่วยอยู่อาศัยในจังหวัดหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุหรือต้องเข้ารับการรักษาโรค โรงพยาบาลต้นทางไม่สามารถที่จะรักษาได้ ประชาชนจะต้องไปจังหวัดภูมิลำเนาเดิมเพื่อขอใบส่งตัว
แต่โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ประชาชนสามารถที่จะใช้บัตรประชาชน ใบเดียวให้ทางสถานพยาบาลนั้น คีย์ข้อมูลได้เลย ซึ่งการที่ไม่มีใบส่งต่อจะทำให้ประชาชนสบายใจ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่นำร่องในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 ประชาชนเริ่มเข้าใจในระบบ 30 บาทรักษาทุกที่มากยิ่งขึ้น หากครบระยะเวลา 1 ปี จะมีการพิจารณาขยายโครงการนำร่องไปยังจังหวัดอื่นๆต่อไป
ส่วนที่เกี่ยวข้อง กับ ผู้ป่วยรักษามะเร็งถือในส่วนนี้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากที่สุดจากการลงพื้นที่ไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่พึงพอใจกับระบบ ผู้ป่วยมะเร็งระยะหนึ่งที่ภูมิลำเนาอยู่ภาคกลางแต่ต้องมาอยู่กับญาติที่จังหวัดชลบุรีสามารถที่จะเข้ารับการรักษามะเร็งต่อได้ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นทาง
สำหรับโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่เริ่มนำร่องโครงการที่จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ และชัยภูมิ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในการให้ผู้ป่วยไปรับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน และนอนรักษาในโรงพยาบาลได้ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เพียงใช้บัตรประชาชนก็สามารถตรวจสอบตัวตนผู้ป่วยได้
สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถ เข้ารับการตรวจรักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่มีความพร้อมและประสานส่งตัวไปโรงพยาบาลในเขตสุขภาพได้โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวเช่นเดียวกัน รวมถึงสามารถย้ายหน่วยบริการใช้สิทธิ์ได้ทันทีไม่ต้องรอ 15 วันและย้ายได้ 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ