ท่องเที่ยวตั้งเป้ารายได้ปี 65 ไว้ที่ 1.5 ล้านล้านบาท ด้าน กพท. เล็งปลดล็อกที่นั่งเครื่องเป็น 100%

ข่าววันนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 65 ไว้ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 8.4 แสนล้านบาท และนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีก 6 แสนกว่าล้านบาท ด้านกพท.ได้เสนอต่อ ศบค. ให้สายการบินสามารถเพิ่มที่นั่งภายในเครื่องบินเป็น 100% จากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 75% โดยคาดว่า ศบค. จะพิจารณาในการประชุมวันที่ 10 ต.ค.นี้ และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่ 15 ต.ค.เป็นต้นไป
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์เป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 65 ไว้ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของปี 62 โดยมาจากนักท่องเที่ยวในประเทศ 8.4 แสนล้านบาท และอีก 6 แสนกว่าล้านบาทมาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 65 จะมีนักท่องเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน/ครั้ง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 15 ล้านคน ซึ่งจะเน้นนักท่องเที่ยวที่มีรายจ่ายสูง
สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ ไตรมาส 4/64 ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ เดินทางเป็นกลุ่มครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อนที่ต้องการพักร้อน ต้องการเปลี่ยนสถานที่พัก เริ่มมีการวางแผนเดินทาง ซึ่งวันนี้กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย และสมาคมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการตามมาตรการสาธารณสุข การรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านสปา เป็นต้น
ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศ เป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศใน 120 วันของนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เริ่มต้นเปิดภูเก็ต ในโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์" เมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา และ 15 ก.ค. มีสมุยพลัสโมเดล ต่อมา 16 ส.ค. 7+7 ผู้เดินทางมาภูเก็ต 7 วัน และอีก 7 วันเดินทางเที่ยว 3 จังหวัดนำร่อง จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย, เกาะพงัน, เกาะเต่า) จ.พังงา (เขาหลัก, เกาะยาวน้อย, เกาะยาวใหญ่) จ.กระบี่ (เกาะพีพี, เกาะไหง, ไร่เล่ย์)
หลังจากนี้ 1-30 พ.ย. จะเปิดเพิ่มอีก 10 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง,ดอยเต่า, แม่ริม, แม่แตง) เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องประชาชนไทยจะได้รับวัคซีน 70% ทำให้คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ในไตรมาส 4 ปี 64 - ไตรมาส 1 ปี 65
ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจกังวลว่าเมื่อกลับไปประเทศตัวเองจะต้องกักตัว ดังนั้นกระทรวงท่องเที่ยวฯ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข จะหาวิธีประสานกับประเทศต่าง ๆ อาจจะเป็นระดับเมือง ระดับจังหวัด ที่จะดำเนินการลักษณะ Bubble ต่างคนไม่ต้องมีการกักตัว โดยที่ได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ได้แก่ กัมพูชา ที่จะให้ท่องเที่ยวระหว่าง จ.ตราด กับ เกาะกง ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนในสิ้นปีนี้
และยังมีการพูดคุยกับ สปป.ลาว ที่จะประสานให้เปิดการค้าชายแดนและท่องเที่ยวระหว่างกัน แต่จำกัดพื้นที่ที่เดินทางได้ ซึ่งเบื้องต้น จะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส นอกจากนี้ ยังมีมาเลเซียที่จะเดินทางระหว่าง เกาะลังกาวี กับเกาะหลีเป๊ะ ของไทย เป็นต้น
ด้านนายศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า กพท.ได้เสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่จะให้สายการบินสามารถเพิ่มที่นั่งภายในเครื่องบินเป็น 100% จากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 75% โดยคาดว่า ศบค. จะพิจารณาในการประชุมวันที่ 10 ต.ค.นี้ และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่ 15 ต.ค.เป็นต้นไป โดยแต่ละสายการบินในประเทศ ได้เตรียมเพิ่มเที่ยวบินรองรับความต้องการเดินทางที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จะขอให้กระทรวงมหาดไทย โดยผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด ออกประกาศมาตรการเข้าเมืองให้เหมือนกันทุกจังหวัด เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเกิดความสับสน เพราะปัจจุบันเงื่อนไขของแต่ละจังหวัดแตกต่างกัน โดยคาดว่าจะมีผลตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้
นายศรัณย กล่าวว่า กพท. และสายการบิน ได้ร่วมศึกษาแล้วเห็นว่าการบินจะกลับมาอย่างรวดเร็ว ดูจากในสหรัฐฯ ขณะนี้กลับมาทำการบินในประเทศ 70-80% ยุโรป กลับมาบินได้ 60% จีน กลับมาบินได้ 100% โดยจะพบว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และหยุดการบินเมื่อเม.ย. 63 สถานการณ์ค่อยๆ กลับมา และบินได้เต็ม 100% ในช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย.63 แต่ยังขาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในปัจจุบัน สายการบินได้เตรียมความพร้อม 80-90% ขณะที่สนามบินเตรียมความพร้อม 80-90% โดยในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา กลับมาบินได้มากขึ้น พร้อมกับใช้เทคโนโลยี ผ่านแอปพลิเคชั่น "หมอพร้อม" เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความสะดวก และเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็ว