รีเซต

รู้จักกลโกงของมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ รู้ไว้จะได้ไม่เสียที!

รู้จักกลโกงของมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ รู้ไว้จะได้ไม่เสียที!
TrueID
16 ธันวาคม 2565 ( 11:31 )
3.1K

ข่าวกลโกงของมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบโทรศัพท์มักมีให้เห็นเป็นข่าวกันค่อนข้างเยอะ มิจฉาชีพจะสุ่มเบอร์เพื่อโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ และใช้ข้อความอัตโนมัติสร้างความตื่นเต้นหรือตกใจให้กับเหยื่อ บางครั้งก็แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ หลอกให้เหยื่อทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มเป็นเมนูภาษาอังกฤษโดยแจ้งว่าทำเพื่อล้างรายการหนี้สิน หรืออาจหลอกให้เหยื่อไปโอนเงินให้หน่วยงานภาครัฐเพื่อตรวจสอบ ซึ่งมิจฉาชีพเหล่านี้จะอาศัยความกลัว ความโลภ และความรู้ไม่เท่าทันของเหยื่อ วันนี้ TrueID จะมาเผยกลโกงของมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ โดยข้ออ้างที่มิจฉาชีพมักใช้หลอกเหยื่อมีดังนี้

 

รู้จักกลโกงทางโทรศัพท์ของมิจฉาชีพ

 

1. บัญชีเงินฝากถูกอายัด/หนี้บัตรเครดิต

ข้ออ้างที่มิจฉาชีพนิยมใช้มากที่สุด คือหลอกว่าเหยื่อถูกอายัดบัญชีเงินฝากและเป็นหนี้บัตรเครดิต เพราะเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความตกใจแ​ละง่ายต่อการชักจูงเหยื่อให้โอนเงิน โดยมิจฉาชีพจะใช้ระบบตอบรับอัตโนมัติแจ้งเหยื่อว่าจะอายัดบัญชีเงินฝากเนื่องจากเหตุการณ์ต่าง ๆ

 

2. บัญชีเงินฝากพัวพันกับการค้ายาเสพติดหรือการฟอกเงิน

เมื่อมิจฉาชีพหลอกถามข้อมูลจากเหยื่อแล้วพบว่าเหยื่อมีเงินในบัญชีเป็นจำนวนมาก จะหลอกเหยื่อต่อว่าบัญชีนั้น ๆ พัวพันกับการค้ายาเสพติดหรือติดปัญหาการฟอกเงิน จึงขอให้เหยื่อโอนเงินทั้งหมดมาตรวจสอบ

 

3. เงินคืนภาษี

ข้ออ้างคืนเงินภาษีจะถูกใช้ในช่วงที่มีการยื่นภาษีและมีการขอคืน โดยมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรแจ้งว่า เหยื่อได้รับภาษีคืนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะต้องยืนยันรายการและทำตามคำบอกที่ตู้เอทีเอ็ม แต่แท้จริงแล้วขั้นตอนที่มิจฉาชีพให้เหยื่อทำนั้นเป็นการโอนเงินให้กับมิจฉาชีพ​

 

​​4. โชคดีรับรางวัลใหญ่

มิจฉาชีพจะอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทหรือตัวแทนองค์กรต่าง ๆ แจ้งข่าวดีแก่เหยื่อว่า เหยื่อได้รับเงินรางวัลหรือของรางวัลที่มีมูลค่าสูง เมื่อเห​ยื่อหลงเชื่อ จะหลอกเหยื่อให้โอนเงินค่าภาษีให้​

 

5.ข้อมูลส่วนตัวหาย

ข้อมูลส่วนตัวหายเป็นข้ออ้างที่มิจฉาชีพใช้เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ โดยจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ข้อมูลของลูกค้าสูญหาย เช่น เหตุการณ์น้ำท่วม จึงขอให้เหยื่อแจ้งข้อมูลส่วนตัว เช่น วัน/เดือน/ปีเกิด เลขที่บัตรประชาชน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการใช้บริการของเหยื่อ แต่แท้จริงแล้ว มิจฉาชีพจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการปลอมแปลงหรือใช้บริการทางการเงินในนามของเหยื่อ​

 

6. โอนเงินผิด

มิจฉาชีพจะใช้ข้ออ้างนี้เมื่อมีข้อมูลของเหยื่อค่อนข้างมากแล้ว โดยจะเริ่มจากโทรศัพท์ไปยังสถาบันการเงินที่เหยื่อใช้บริการ เพื่อเปิดใช้บริการขอสินเชื่อผ่านทางโทรศัพท์ เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อ สถาบันการเงินจะโอนเงินสินเชื่อนั้นเข้าบัญชีเงินฝากของเหยื่อ หลังจากนั้นมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปหาเหยื่ออ้างว่า ได้โอนเงินผิดเข้าบัญชีของเหยื่อ ขอให้โอนเงินคืน เมื่อเหยื่อตรวจสอบยอดเงินและพบว่ามีเงินโอนเข้ามาจริง จึงรีบโอนเงินนั้นไปให้มิจฉาชีพ โดยที่ไม่รู้ว่าเงินนั้นเป็นเงินสินเชื่อที่มิจฉาชีพโทรไปขอในนามของเหยื่อ ​

 

ข้อสังเกต

  1. มิจฉาชีพจะหลอกถามข้อมูลจากเหยื่อ แล้วหลอกให้เหยื่อทำรายการผ่านตู้เอทีเอ็มโดยให้เลือกทำรายการเป็นภาษาอังกฤษ

  2. มิจฉาชีพจะใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เร่งให้เหยื่อทำรายการ เพื่อไม่ให้เหยื่อมีเวลาตรวจสอบหรือสอบถามบุคคลอื่น

  3. มิจฉาชีพจะโน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ ตามภาพประกอบด้านล่าง

 

 

วิธีป้องกัน​

  1. หากได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ไม่รู้จัก ควรทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

  2. ไม่โลภอยากได้เงินรางวัลที่ไม่มีที่มา

  3. ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินแก่บุคคลอื่น ถึงแม้ผู้ติดต่อจะอ้างตัวเป็นส่วนราชการหรือสถาบันการเงิน เพราะส่วนราชการและสถาบันการเงินไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลวนตัวลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์

  4. ไม่ทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินอัตโนมัติตามคำบอกของผู้ที่ติดต่อมา

  5. ควรสอบถามข้อเท็จจริงกับสถาบันการเงินที่ถูกอ้างถึงหรือใช้บริการ โดยติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า (Call Center)

  6. หากได้รับแจ้งว่ามีผู้โอนเงินผิดเข้าบัญชี ควรสอบถามสถาบันการเงินถึงที่มาของเงินดังกล่าว หากเป็นเงินที่มีการโอนผิดเข้ามาจริง จะต้องให้สถาบันการเงินเป็นผู้ดำเนินการโอนเงินคืนเท่านั้น

 

​สิ่งที่ควรทำเมื่อตกเป็นเหยื่อ​

  1. รวบรวมหลักฐานและข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง

  2. ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของสถาบันการเงินเพื่อระงับการโอนและการถอนเงิน

  3. หากไม่สามารถระงับการโอนเงินได้ ให้รวบรวมหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวัน ณ ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการระงับการถอนเงินออกจากบัญชีที่โอนไป

  4. แจ้งระงับการถอนเงินออกจากบัญชีที่โอนไปกับสถาบันการเงินที่ใช้บริการ โดยสถาบันการเงินจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จึงจะสามารถคืนเงินได้

  5. แจ้งเบาะแสไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

  6. ทำใจ... เมื่อมิจฉาชีพได้รับเงินโอน จะรีบกดเงินออกจากบัญชีทันที ทำให้โอกาสที่จะได้เงินคืนนั้นน้อยมาก

 

ข้อมูล  ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

5 แอปเช็คเบอร์มิจฉาชีพ บล็อกเบอร์ บล็อก SMS สแปม โฆษณาพนันออนไลน์

จะเกิดอะไรขึ้น! เมื่อ 'ชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทร' ข้อมูลส่วนตัวตกอยู่ในมือมิจฉาชีพ

เบอร์ใครโทรมา? เช็กง่าย รู้ทันที! อย่าปล่อยมิจฉาชีพล้วงข้อมูลได้

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.

คลิกเลย >>> TrueID Community <<<

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง