PCEผลผลิตปาล์มล้น มั่นใจไตรมาส4พีค ลุยJVรุกตลาดส่งออก

#PCE #ทันหุ้น – PCE ผลผลิตปาล์มไตรมาส 4/2568 คุณภาพดี หนุนอัตราสกัด CPO แตะ 18-19% เทียบชั้นมาเลเซีย หลังโรงสกัดใหม่เดินเครื่องเต็มกำลัง กำลังผลิตรวมพุ่ง 3.6 พันตันต่อวัน หนุนต้นทุนลด–กำไรดีขึ้น พร้อมเดินเกมกระจายความเสี่ยง รุกตลาดน้ำมันบริโภคแบรนด์ “รินทิพย์” เจาะตลาดต่างประเทศผ่านการตั้งบริษัทร่วมทุนกับ ISF คาดเสริมศักยภาพรายได้ปี 2569 เติบโตโดดเด่น

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทประเมินปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในงวดไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับบริษัทให้ความรู้เกษตรกรในโครงข่ายมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลปาล์มมีคุณภาพสูง สะท้อนจากสถิติของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รายงานอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil : CPO) ของไทยแตะระดับ 18 – 19% เทียบเท่ามาเลเซีย

                ขณะเดียวกันโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) แห่งใหม่ของบริษัทสามารถเดินเครื่องสกัดได้ตามแผนการดำเนินงาน จึงสามารถสกัด CPO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ได้อย่างมีนัยสำคัญ

“นอกจากฤดูฝนปาล์มได้รับน้ำเต็มที่แล้ว เกษตรกรไทยดูแลต้นปาล์มอย่างถูกต้อง ให้ปุ๋ยในระดับที่เพียงพอ ดูแลคุณภาพดินในพื้นที่อย่างถูกต้อง ผลผลิตปาล์มจึงมีคุณภาพสูงอัตราการสกัดสูงมาก ประกอบกับบริษัทขยายโรงสกัดใหม่กำลังการผลิตประมาณ 1.8 พันตันต่อวัน เมื่อร่วมกับโรงงานปัจจุบันกำลังกาผลิตรวมจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 3.6 พันตันต่อวัน ส่งผลดีต่อ Economies of Scale”

*เน้นกระจายความเสี่ยง

                สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2568 บริษัทมุ่งบริหารสัดส่วนการตลาดระหว่างการขยายฐานตลาดน้ำมันพืชเพื่อการบริโภคในประเทศ   การส่งออก COP ไปต่างประเทศ และการส่งออกน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรขั้นต้น (Gross Profit) สูง ไปยังประเทศจีน

                โดยบริษัทได้พัฒนาคุณภาพน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคเกรดพรีเมียม (Premium) ขึ้นมาเจาะตลาดสินค้าอุปโภค – บริโภคในประเทศ นอกเหนือจากแบรนด์ “รินทิพย์” ที่ยังคงขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั้งโมเดิร์นเทรด (Modern Trade),  ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) และซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) ทั่วประเทศ

“กลยุทธ์ยังคงมุ่งเน้นไปที่การบริหารความเสี่ยงและการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อรองรับสถานการณ์ตลาดโลกเนื่องจากปัจจุบันอินเดีย - จีนยังเป็นตลาดส่งออกหลักหลัก บริษัทได้จัดการความเสี่ยงนี้โดยการกระจายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดน้ำมันเพื่อการบริโภคมากขึ้นทั้งรินทิพย์ ที่เร่งผลักดันเข้าสู่โมเดิร์นเทรด ยังพัฒนาแบรนด์อื่นที่ทำหน้าที่เป็น Fighting Brand เพื่อจับตลาดระดับ Medium to High อีกด้วย”

*JV มีความชัดเจน

สำหรับความคืบหน้า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัทกับ บริษัท Intercontinental Specialty Fats Sdn. Bhd. (ISF) ในชื่อบริษัท นิทไทย สเปเชียลตี้ ออย แอนด์ แฟตส์ จำกัด เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคคุณภาพสูงใหม่ๆ โดยเฉพาะฐานคู่ค้าของ ISF ในอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในประเทศมาเลเซีย  อิตาลี และเซี่ยงไฮ้ เบื้องต้นจะเร่งดำเนินการจัดตั้งบริษัทเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/2568 นี้ควบคู่การเจรจาขายน้ำมันปาล์มเกรดพรีเมียมเพื่อการบริโภคกับคู่ค้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในปี 2569 อย่างมีนัยสำคัญ