รีเซต

สะเทือนทุกบ้าน ทรัมป์ขึ้นภาษี "ตู้เย็น - เครื่องซักผ้า - เตาอบ" อ้างผลิตจากเหล็ก

สะเทือนทุกบ้าน ทรัมป์ขึ้นภาษี "ตู้เย็น - เครื่องซักผ้า - เตาอบ" อ้างผลิตจากเหล็ก
TNN ช่อง16
1 กรกฎาคม 2568 ( 08:00 )
10

"ทรัมป์"  ขึ้นภาษีเครื่องใช้ในบ้านที่ทำจาก " เหล็ก"


ภาษีทรัมป์ยังไม่จบ ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดลามไปถึงสินค้าเฉพาะกลุ่ม อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพราะส่วนใหญ่เป็นของนำเข้า ผลิตจากต่างประเทศทั้งนั้น ดังนั้นทรัมป์เลยจัดให้  ขึ้นภาษียกครัว  ตั้งแต่ตู้เย็น ยันเครื่องซักผ้า โดยจะคิดจากภาษีเหล็กที่ตอนนี้ตั้งกำแพงไว้ที่ 50% 


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นในการขึ้นภาษีนำเข้า หวังให้เป็นกำแพงป้องกันสินค้าต่างๆ ที่ทะลักเข้ามาจากต่างประเทศ ให้คนอเมริกันได้กลับมาใช้สินค้าในประเทศ หรือให้ธุรกิจต่างๆ อุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาตั้งฐานการผลิตสินค้า หรือตั้งโรงงานในอเมริกา


นอกจากภาษีตอบโต้ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบรรดานานาชาติ ก็จะมีภาษีรายกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งวันนี้ที่เราจะพูดถึงกันก็คือ ภาษีเหล็กและอลูมิเนียม


ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯเริ่มเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตราสูงสุดที่ 50 %  ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เป็นต้นมา แต่ประเด็นสำคัญคือไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เหล็กกล้าทางอุตสาหกรรม

แต่หมายรวมถึงสินค้าต่างๆที่ทำจากเหล็กด้วย โดยเฉพาะเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ ซึ่งมีส่วนประกอบของเหล็กและอะลูมิเนียม   ที่ปรากฎว่าถูกเรียกเก็บภาษีไปกับเค้าด้วยตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์


ที่สำคัญ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ถูกขึ้นภาษีครั้งนี้ มีแต่ของจำเป็น ของที่ต้องมีกันทุกบ้าน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้จัดกลุ่มเอาไว้ทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่ 


ตู้เย็นพร้อมช่องแช่แข็ง 

เครื่องอบผ้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่ 

เครื่องซักผ้า 

เครื่องล้างจาน 

ตู้แช่แข็งแบบตั้งพื้นและแบบทรงยืน  (chest and upright freezers) 

เตาทำอาหารและเตาอบ 

เครื่องกำจัดขยะอาหาร 

และชั้นวางของทำด้วยลวดเชื่อม


สินค้ากลุ่มดังกล่าวนี้ ถ้าให้เห็นภาพคนอเมริกันมักเรียกรวมกันว่า เป็น "เครื่องใช้สีขาว" ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลระบุว่า อัตราภาษีสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ จะไม่เท่ากัน เพราะจะกำหนดให้ ตามมูลค่าของปริมาณเหล็กที่ใช้ หมายความว่าตู้เย็นของเราทำจากเหล็กเยอะเท่าไหร่ ภาษีก็ยิ่งเยอะเท่านั้น   และแน่นอนว่าภาษีก็จะถูกบวกเข้าไปกับราคาสินค้า และอาจทำให้ของใช้ต่างๆเหล่านี้ที่วางขายในสหรัฐฯ แพงขึ้น แต่รัฐบาลของทรัมป์ก็ยังคงย้ำว่าเรื่องนี้จะเป็นผลดีกับคนอเมริกัน เพราะเป็นความตั้งใจและความพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะมาช่วยคุ้มครองและฟื้นฟูภาคการผลิตในประเทศได้



ปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กอเมริกันก่อนสาปสูญ ? 


"Global Times "  รายงานเรื่องการขึ้นภาษีของทรัมป์ในครั้งนี้ โดยอ้างอิงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในจีน ระบุว่า  ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นไร้เหตุผลในเชิงเศรษฐกิจและขาดวิสัยทัศน์ทางการเมือง  โดยเฉพาะการที่ทรัมป์อ้างว่าการขึ้นภาษีนำเข้าจะช่วยสร้างงาน และปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศนั้น ความจริงแล้วคือการเอาเปรียบผู้บริโภคมากกว่า 

 

"โจว หมี่" นักวิจัยอาวุโส ประจำสถาบันความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน เตือนว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบด้านเงินเฟ้อ  สั่นสะเทือนเศรษฐกิจสหรัฐฯ  เพราะเหล็กเป็นวัสดุพื้นฐานในห่วงโซ่อุปทานมากมาย  ดังนั้นเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลต่อเนื่อง ไปทั้งผู้ผลิต ผู้ก่อสร้าง  และสุดท้ายก็คือภาคครัวเรือน หรือชาวบ้านตาดำๆ  ที่ต้องมาแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในตอนท้ายที่สุดแล้วนั่นเอง


ขณะที่ "เกา หลิงอวิ้น" ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันสังคมศาสตร์จีนในกรุงปักกิ่งชี้ว่า  จำนวนงานที่เกิดจากมาตรการภาษีนับว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับผลกระทบโดยรวม  เข้าทำนองสุภาษิตที่ว่า เก็บเมล็ดงา แต่มองไม่เห็นลูกแตงโม


ทั้งนี้ ในยุคสมัยของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรก ( พ.ศ. 2560-2564)  หรือทรัมป์ 1.0 ทรัมป์เองก็เคยเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% มาแล้ว โดยอ้างว่าทำไปเพื่อความมั่นคงของชาติ 


อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์กระบุว่า  นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา  การกำหนดมาตรการกีดกันการค้าแต่ฝ่ายเดียวของรัฐบาลสหรัฐฯ  ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมกับชาติคู่ค้า  ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างงานในภาคการผลิตของสหรัฐฯ  อ้างอิงตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์


สอดคล้องกับข้อมูลจากรายงงานของ CNN ที่บอกว่า ในยุคสมัยของทรัมป์ 1.0 มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้า 20% ถึง 50% และทำให้บริษัท "Whirlpool"  ผู้ผลิตสินค้าสัญชาติอเมริกันออกมาชื่นชมและยกย่องภาษีนี้ในตอนแรก  แต่ภายหลังคือตรงกันข้าม เพราะบริษัทกลับแสดงความเสียใจต่อภาษีเหล็กของทรัมป์ โดยชี้ว่าต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลายร้อยล้านดอลลาร์ แล้วก็มีผลทำให้ราคาเครื่องซักผ้าโดยเฉลี่ยเพิ่ม ขึ้นประมาณ 90 ดอลลาร์  และสร้างงานในอเมริกาได้เพียงแค่ 1,800 ตำแหน่งเท่านั้นเอง อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐและมหาวิทยาลัยชิคาโก 


รวมไปถึงภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่แม้จะมีการขยายตัวขึ้นมาเล็กน้อย  แต่ส่งผลให้ต้นทุนของรถยนต์ เครื่องมือ และเครื่องจักรเพิ่มขึ้น  และทำให้ผลผลิตของอุตสาหกรรมหดตัวลงมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์  จากบทการวิเคราะห์ของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ 

ทำไมต้องขึ้นภาษีตู้เย็น  แล้วทำไมต้องขึ้นถึง 50 % จุดเริ่มต้น ก็คือ ทรัมป์ทำเพื่อป้องกันชาติ ไม่เช่นกันอุตสาหกรรมเหล็กในสหรัฐฯอาจจะหายสาปสูญ  โรงงานต้องปิดตาย  


ภาษีเหล็กในสหรัฐอเมริกาพุ่งพรวดขึ้นมาถึงสองรอบ ก่อนหน้านี้เมื่อมีนาคมที่ผ่านมา  รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กครั้งแรกที่ 25 % โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลว่า ในการขึ้นภาษี 25 % นั้นทางการสหรัฐฯ  ก็ได้เพิ่มสินค้าต่างๆ เข้าไปเช่นกัน เกือบ 300 ประเภท   ซึ่งสินค้าที่โดนภาษีมีตั้งแต่เกือกม้าไปจนถึงใบมีดของรถขุดดิน 


ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม เพราะต้องการลดการนำเข้า  เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตในประเทศ  เนื่องจากที่ผ่านมาเจอปัญหาอัตราการใช้กำลังการผลิตลดต่ำกว่า 80% ทรัมป์จึงต้องประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% ทุกประเทศ  รวมถึงยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้า และการให้โควตา  มีผลตั้งแต่ 12 มี.ค. 2568 


ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้สหรัฐฯจัดหนัก ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กทุกประเทศแบบไม่มีข้อยกเว้น  เพราะว่า ย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  สหรัฐฯ มีการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยต่อปีมากกว่า 10%  จนไปกระทบกับผู้ผลิตในประเทศเอง  ซึ่งการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม  จะกระทบคู่ค้าหลักอย่างแคนาดา เม็กซิโก และจีน  ที่สหรัฐนำเข้ารวมกันกว่า 48%


แต่ถามว่าทำไมต้องขึ้นภาษีไปถึง 50 % และทำไมต้องกำหนดรายชื่อสินค้า เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า คำตอบจาก รายงานของ CNN  อธิบายว่า  ภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดขึ้นนั้นทำให้ผู้ผลิตบางรายในอเมริกามีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น  เพราะต้องนำเข้าชิ้นส่วนและส่วนประกอบหลายชิ้น เนื่องจากหาที่ผลิตในอเมริกาไม่ได้ หรือมีก็ยังแพงกว่านำเข้ามา และมีผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในอเมริกาที่ออกมาบ่นว่า สินค้าของคู่แข่งสามารถเลี่ยงภาษีทรัมป์ได้ ด้วยการส่งสินค้ามาทั้งชิ้นทีเดียว ไม่ต้องมาประกอบหรือผลิตในสหรัฐฯ 


ดังนั้นรัฐบาลทรัมป์จึงรับฟัง  และเป็นเหตุผลที่ฝ่ายบริหารได้ประกาศรายชื่อสินค้าต่างๆ ออกมา เป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีได้ 


ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยกย่องภาษีนำเข้าของตนเองว่า เป็นสิ่งที่มาช่วยอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ  และอ้างว่าหากเขาไม่ดำเนินการจัดเก็บภาษีนำเข้าในครั้งนี้ อาจจะหนักถึงขั้นว่าอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ จะต้องสูญหายไป  เพราะเหล็กทั้งหมดจะไปผลิตในต่างประเทศแทน  และโรงงานต่างๆ ในสหรัฐฯ จะต้องปิดตาย 


แต่อย่างไรก็ตามนโยบายอันสุดโต่งของทรัมป์ ก็มีเสียงเตือนออกมาอย่างต่อเนื่องว่าอาจจะไม่ใช่หนทางที่ดีนัก โดยเฉพาะนักเศรษฐศาสตร์ที่เตือนว่า อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ ที่รายงานว่าต้องเฝ้าระวังและจับตาเงินเฟ้อ รวมถึงการจ้างงาน ที่อาจจะผลกระทบจากมาตรการภาษีของทรัมป์  แม้กระทั่งรายงานจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ  ก็ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มชะลอการใช้จ่าย และยอดค้าปลีกลดลง หลังจากภาษีทรัมป์เริ่มมีผล  

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง