ทำความรู้จัก "การรักษาด้วยปลายเข็ม" โดยแพทย์รังสีร่วมรักษา ทางเลือกใหม่ในการรักษาเนื้องอก

แพทย์รังสีร่วมรักษา (Interventional Radiologist: IR) หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “หมอไออาร์” เป็นแพทย์เฉพาะทางที่ใช้ภาพทางรังสี เช่น อัลตราซาวด์, CT Scan หรือ MRI ในการนำทางอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือยาพิเศษเข้าไปรักษาโรคได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ โดยไม่ต้องเปิดแผลใหญ่เหมือนการผ่าตัดแบบเดิม ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง
แตกต่างจากแพทย์รังสีทั่วไปที่เน้นการวินิจฉัยโรคผ่านภาพถ่าย และต่างจากแพทย์รังสีรักษาที่ใช้รังสีฉายเพื่อทำลายเนื้องอก การรักษาของแพทย์ IR เป็นการรักษาแบบ “รุกล้ำน้อย” (minimally invasive) ใช้เพียงเข็มขนาดเล็กเป็นเครื่องมือหลัก
การรักษาด้วยปลายเข็ม (Ablation) ทางเลือกใหม่ในการรักษาเนื้องอก
Ablation คือเทคนิคการ “จี้” หรือทำลายเซลล์ของก้อนเนื้อโดยใช้พลังงานต่าง ๆ ส่งผ่านปลายเข็มขนาดประมาณไม้เสียบลูกชิ้น วิธีนี้เน้นการรักษาเฉพาะจุด ไม่กระทบอวัยวะอื่น และต่างจากการให้ยาเคมีบำบัดที่มีผลต่อทั้งร่างกาย
พลังงานที่ใช้มี 3 รูปแบบหลัก
1. พลังงานความร้อน (Heat Ablation) ใช้คลื่นวิทยุ (RFA) หรือคลื่นไมโครเวฟ ปล่อยความร้อนออกจากปลายเข็มเพื่อทำลายเซลล์เนื้องอก คล้ายการ “จี่” ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดในกลุ่ม (ประมาณหลักหมื่นบาท)
2. พลังงานความเย็น (Cryoablation) ปล่อยแก๊สอาร์กอนทำให้ปลายเข็มเย็นจัดถึง -20 ถึง -40°C เกิดน้ำแข็งภายในก้อน ทำลายเซลล์ด้วยการแช่แข็งและละลาย ข้อดีคือกระทบเนื้อเยื่อรอบข้างน้อย และสามารถเห็นขอบเขตของน้ำแข็งได้ชัดเจนด้วย CT
3. กระแสไฟฟ้า (Electrical Current) ใช้ไฟฟ้าเจาะรูเซลล์ให้ตายลง เป็นวิธีที่ใช้น้อยเนื่องจากค่าอุปกรณ์สูง
การเลือกวิธีรักษา ขึ้นอยู่กับภาพทางรังสีเป็นหลัก รวมถึงตำแหน่งของก้อน อวัยวะข้างเคียง ขนาดก้อน และค่าใช้จ่าย โดยแพทย์จะวางแผนการรักษาอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น เส้นเลือดใหญ่ ปอด ลำไส้ หรือถุงน้ำดี
โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยเทคนิคปลายเข็ม
การรักษานี้เหมาะกับทั้งก้อนเนื้อร้าย (มะเร็ง) และเนื้อดี
- เนื้อร้าย (มะเร็ง) พบมากที่สุดในมะเร็งตับ (ประมาณ 80% ของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลมหาราช), มะเร็งปอด และมะเร็งไต
-เนื้อดี (ไม่ใช่มะเร็ง) เช่น ก้อนที่ต่อมไทรอยด์ (คอพอก) ที่มีขนาดใหญ่จนรบกวนการหายใจหรือการกลืน หรือยื่นนูนออกมา ซึ่งสามารถจี้ลดขนาดก้อนได้โดยไม่ต้องผ่า
ข้อดีและข้อจำกัดของการรักษาด้วยปลายเข็ม
- แผลเล็ก ขนาดเท่าไม้เสียบลูกชิ้น
- ส่วนใหญ่ไม่ต้องเย็บแผล
- ฟื้นตัวไว กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ในวันรุ่งขึ้น
- เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวมาก
- ใช้ร่วมกับการรักษาอื่นได้ ข้อจำกัด
- เหมาะกับก้อนขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร
- เหมาะสำหรับจำนวนก้อนไม่เกิน 3–4 ก้อน
- ไม่เหมาะกับบางตำแหน่ง เช่น มะเร็งลำไส้หรือถุงน้ำดี
ความปลอดภัยและการเตรียมตัวก่อนรักษา
แพทย์จะวางแผนการปักเข็มอย่างละเอียดจากภาพรังสี ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งก้อน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์หากมีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือใช้ยาต้านเกล็ดเลือด/ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งต้องหยุดยาก่อนตามคำแนะนำ
การดมยา
-ก้อนลึก เช่น ตับ ปอด ไต → ต้องให้ยานอนหลับหรือยาสลบ มีวิสัญญีแพทย์ดูแล
-ก้อนตื้น เช่น ต่อมไทรอยด์ → ใช้ยาชาเฉพาะที่และต้องตื่นระหว่างทำ เพื่อทดสอบการกระทบเส้นประสาทเสียง
หลังทำอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อย ควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวด และดีขึ้นใน 1 วัน ควรงดออกกำลังกายหนัก 3–4 วันเพื่อให้แผลหายสนิท
การติดตามผลและสิทธิ์การรักษา
ผู้ป่วยจะได้รับการติดตามผลด้วยการตรวจเลือด อัลตราซาวด์ CT หรือ MRI อย่างสม่ำเสมอ โดยช่วงแรกจะนัดถี่ (เช่น 1 เดือน) แล้วค่อย ๆ ห่างออก (6 เดือน–1 ปี) เพื่อเฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำ
ค่าใช้จ่าย
- สิทธิ์เบิกตรง: เบิกจ่ายค่าอุปกรณ์เข็มได้บางส่วน
- สิทธิบัตรทองและประกันสังคม: ไม่สามารถเบิกจ่ายค่าอุปกรณ์เข็มรักษาได้
การรักษาด้วยปลายเข็มเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถผ่าตัดใหญ่ได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
