"ผู้ว่าฯตราด-พิสูจน์หลักฐาน" ตรวจสภาพโรงแรมหรูหลังถูกไฟไหม้ พบนาฬืกาเหลือแต่ซากใช้การไม่ได้
ข่าววันนี้ ความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารห้องพักหรูของโรงแรมโซเนวาคีรี อ.เกาะกูด จ.ตราด หลังที่นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจ.ตราดนำคณะเดินทางไปเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่ผ่านและเดินทางถึงอำเภอเกาะกูดในเวลา 12.00 น.
หลังเดินทางถึงฝั่งอำเภอเกาะกูด นายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอเกาะกูด และนายเดชาธร จันทร์อบ นายกอบต.เกาะกูด ให้การต้อนรับ พร้อมมีพลตำรวจตรีทนง ทองประดับเพชร ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 ตำรวจภูธรภาค 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจำนวนหนึ่ง และมีนายมนัส ปรังทำนุ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและควบคุมอาคาร สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองตราดร่วม
จากนั้นในเวลา 13.00 น.คณะของผู้ว่าราชการจ.ตราด เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบผู้บริหารของโรงแรมโซเนวาคีรี ที่คอยต้อนรับ และนำคณะผู้ว่าราชการจ.ตราดเข้าสู่ห้องรับรอง ก่อนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ
กระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น.คณะของผู้ว่าราชการจ.ตราดจึงเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งได้เข้าพื้นที่และเก็บหลักฐานต่างๆโดยเฉพาะพื้นที่เกิดระเบิดขึ้นแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ รวมทั้ง ห้องพักที่เจ้าของนาฬิกาพักหลับนอนอยู่ ซึ่งปรากฏว่า พบซากของนาฬิกาที่มีการตามหาอยู่ ซึ่งถูกเพลิงเผาได้รับความเสียหาย และไม่สามารถใช้การได้ ทั้งนี้ ทางผู้บริหารโรงแรมไม่ยินยอมให้มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานโดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ติดตามลงไปทำข่าวครั้งนี้
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ได้สอบถามผู้บริหารโรงแรมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นแล้วได้รีบแจ้งให้ทางตำรวจสภ.เกาะกูดทราบเพื่อขอความช่วยเหลือ ซี่งต่อมาก็มีความช่วยเหลือทั้งจาก อส.เกาะกูด และเจ้าหน้าที่จาก อบต.เกาะกูด และตำรวจตชด.เกาะกูดเข้ามาช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจ.ตราดยังเดินทางไปตรวจบริเวณห้องอาหาร ซึ่งพบถังแก๊สถูกเผาไหม้ และพบเตาทำอาหารที่ใช้ไฟฟ้า โดยมีเส้นลวดขดอยู่รอบๆ ซึ่งเป็นเตาไฟฟ้ารุ่นเก่าและถูกเผาไหม้กองอยู่กับพื้น ระหว่างนั้น พลตำรวจตรีทนง ทองประดับเพชร ผู้บังคับการตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ภาค 2 ได้พบซากนาฬิกาหรูที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทถูกเผาไหม้เสียหายและนำมาให้ผู้ว่าราชการจ.ตราดซึ่งพบว่า นาฬิกาหรูได้รับความเสียหายมาก เนื่องจากถูกเพลิงเผาไหม้
อนึ่ง การพบหลักฐานชิ้นสำคัญนี้สามารถยืนยันความจริงที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักจริง และเกิดความเสียหายจริงตามที่ได้กล่าวอ้าง ซึ่งหากพบสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งเกิดจากความผิดพลาดของโรงแรมก็จะสามารถเรียกค่าค่าเสียหาย จากบริษัทประกันภัยทั้ง 6 บริษัทได้ หลังจากได้ทำประกันภัยไว้มูลค่าสูงถึง 902 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจ.ตราดยังไม่สามารถสรุปได้ว่า สาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใด ต้องรอการสรุปผลจากตำรวจพิสูจน์หลักฐานให้เเน่ชัดเสียก่อน
และในเวลา 15.00 น.คณะของผู้ว่าราชการจ.ตราด ได้เดินทางกลับมาด้วยเรือสปีดโบ๊ท และมาขึ้นที่ท่าเรือแหลมศอก อ.เมือง จ.ตราด ในเวลา 15.45 น.วันเดียวกัน