รีเซต

“หลุมยุบ” มหันตภัยเงียบ ฝีมือมนุษย์และภาวะโลกร้อน

“หลุมยุบ” มหันตภัยเงียบ  ฝีมือมนุษย์และภาวะโลกร้อน
TNN ช่อง16
28 กรกฎาคม 2568 ( 13:00 )
24

ท่ามกลางวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่ถาโถมเข้าหาโลกในศตวรรษที่ 21 หนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่ากังวลแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ “หลุมยุบ” (Sinkhole) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้บ้านเรือน ถนน และโครงสร้างพื้นฐานพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแอมะซอน ประเทศบราซิล รัฐบาลท้องถิ่นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องจากหลุมยุบขนาดใหญ่คุกคามชีวิตประชาชนกว่าพันคน ซึ่งปรากฏการณ์นี้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่กำลังปรากฏในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีความเกี่ยวข้องกับทั้งธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์


หลุมยุบคือหลุมลึกที่เกิดจากการทรุดตัวของพื้นดิน เมื่อชั้นดินหรือหินใต้ผิวโลกถูกน้ำกัดเซาะหรือถูกทำให้กลวงจนไม่สามารถรองรับน้ำหนักของพื้นผิวด้านบนได้อีกต่อไป สาเหตุของหลุมยุบแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น น้ำฝนที่ซึมลงสู่ดินแล้วละลายหินที่ละลายน้ำได้ เช่น หินปูน ยิปซัม หรือเกลือ และสาเหตุจากกิจกรรมมนุษย์ เช่น การขุดเจาะน้ำบาดาล การทำเหมือง หรือท่อประปารั่ว


พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบสูงคือพื้นที่ที่เรียกว่า "ภูมิประเทศคาสต์" (Karst terrain) ซึ่งมีชั้นหินที่ละลายน้ำได้ง่าย ตัวอย่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (รัฐฟลอริดา เท็กซัส อลาบามา และเคนตักกี้), ตุรกี, อิหร่าน, อังกฤษ, เม็กซิโก และจีน

ปัจจัยที่ทำให้หลุมยุบเพิ่มจำนวนมากขึ้นในปัจจุบันคือ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” งานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ภาวะแห้งแล้งทำให้น้ำใต้ดินลดต่ำลง ส่งผลให้ดินใต้ผิวโลกสูญเสียแรงพยุง เมื่อฝนตกหนักตามมาอย่างฉับพลัน น้ำจำนวนมากที่ซึมลงดินจะเพิ่มน้ำหนักและกดทับดินที่อ่อนแอให้ยุบตัวลง เช่น ในลุ่มน้ำโคนยา ประเทศตุรกี เคยมีหลุมยุบเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งในรอบหลายปี แต่ในปีเดียวกลับมีมากถึง 42 แห่ง และระดับน้ำใต้ดินลดลงกว่า 60 เมตรในช่วงเวลาไม่ถึง 50 ปี


ยิ่งไปกว่านั้น การสูบน้ำใต้ดินอย่างหนัก โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ทำให้ดินยิ่งกลวงมากขึ้น เสมือนกล่องน้ำผลไม้ที่โดนดูดแรงเกินไปจนยุบตัว เช่นเดียวกับโครงสร้างใต้ดินของเรา และในเขตเมืองใหญ่ที่มีมลภาวะสูง น้ำฝนที่ปนเปื้อนกรดจะกัดกร่อนหินใต้ดินได้เร็วขึ้น ยิ่งเพิ่มความเปราะบางให้แก่ชั้นดิน


การป้องกันและเตือนภัยหลุมยุบในปัจจุบันสามารถทำได้โดยการใช้เทคโนโลยี เช่น การสแกนจากดาวเทียม เรดาร์ทะลุพื้นดิน และการติดตามระดับน้ำใต้ดิน หากพบโพรงใต้ดินก่อนที่จะยุบตัว ก็สามารถเติมด้วยวัสดุก่อสร้างเพื่อเสริมความมั่นคง นอกจากนี้ ในบางพื้นที่ เช่น ตุรกี ได้มีการปรับวิธีการใช้น้ำในภาคเกษตร ลดการใช้น้ำใต้ดิน และใช้เทคโนโลยีชลประทานที่ประหยัดน้ำมากขึ้น รวมถึงการผันน้ำจากแหล่งอื่นเพื่อเติมลงใต้ดินอย่างเป็นระบบ

ปรากฏการณ์หลุมยุบเป็นผลสะท้อนของความไม่สมดุลระหว่างธรรมชาติกับกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะในบริบทของโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน และแหล่งน้ำที่ลดน้อยลง แม้หลุมยุบจะเป็นภัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ง่าย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่อาจป้องกัน หากมนุษย์มีการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวัง และเข้าใจกลไกของธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง การอยู่ร่วมกับโลกใบนี้อย่างปลอดภัยก็ยังเป็นไปได้ ตราบใดที่เราไม่ละเลยสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินเราเอง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง