ผลตรวจรถบัสใช้แก๊ส 11 ถัง ถูกต้อง 6 ถัง อีก 5 ถังไม่ได้จดแจ้ง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดีอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสรับส่งนักเรียนทัศนศึกษาทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 23 คน และบาดเจ็บ จำนวน 3 คน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้ง ศปก.ส่วนหน้า ที่บริเวณศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง ในการบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน ควบคุม สั่งการ และประสานการปฏิบัติกับหน่วย เพื่อช่วยเหลือและดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้สั่งการให้ทุกส่วนร่วมบูรณาการอย่างใกล้ชิด
สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลทั้ง 23 คน เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างออกรายงานรับรองการเสียชีวิต และใบมรณะบัตร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อำนวยความสะดวกโดยจัดรถตำรวจทางหลวง และตำรวจท่องเที่ยวนำขบวนและอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง พร้อมส่งกลับภูมิลำเนาที่ จ.อุทัยธานี และจัดการดูแลอำนวยความสะดวกให้บริการ พร้อมดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่
สำหรับผู้ขับขี่ ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรคสอง ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้ ณ สภ.คูคต เตรียมที่จะนำตัวไปฝากขัง
สำหรับรถบัสคันเกิดเหตุ สพฐ.ตร.ได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตรวจสภาพและรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุที่เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ในเบื้องต้นพบว่ารถบัสคันดังกล่าวมีถังแก๊สเชื้อเพลิงจำนวน 11 ถัง พบเบื้องต้นจดทะเบียนถูกต้องเพียง 6 ถัง ส่วนที่เหลือ 5 ถัง ไม่อยู่ในรายการจดแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป หากพบว่ามีบุคคลหรือบริษัทใดเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนในการกระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด