1 ล้านบาท บรรเทาความสูญเสีย รถบัสไฟไหม้คร่า 23 ชีวิต
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ข่าวสลดใจได้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนและคณะครูที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ระหว่างเดินทางไปทัศนศึกษา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 คน เป็นนักเรียน 20 คน และครู 3 คน เหตุการณ์นี้เป็นความโศกเศร้าของสังคมไทยที่สูญเสียอนาคตของชาติ และเป็นบทเรียนที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรีเร่งให้ความช่วยเหลือ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อทราบข่าวการเกิดเหตุ ได้เร่งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าการทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่รถที่ไม่มีการดูแลหรือตรวจสอบสภาพต่างหากที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ จึงต้องเร่งแก้ปัญหาและวางระบบการตรวจสอบให้ชัดเจนมากขึ้น
พิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตเร่งทำให้แล้วเสร็จ
ทางด้านพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ได้รายงานว่า ขณะนี้การพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตทั้ง 22 ราย ทางสถาบันนิติเวชได้ตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรายสุดท้ายที่รออัตลักษณ์จากแม่ของเหยื่อ โดยหลังการตรวจพิสูจน์เสร็จสิ้น จะประสานงานลำเลียงส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนาที่อุทัยธานี ส่วนคนขับรถได้เข้ามอบตัวแล้วเมื่อคืนวันที่ 1 ตุลาคม อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ
กระทรวงคมนาคมเน้นย้ำกฎความปลอดภัยการเดินทาง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เน้นย้ำมาตรการเยียวยาและการตรวจสอบกฎเกณฑ์ ระเบียบ ขนส่ง โดยจะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับจะแก้ไขกฎระเบียบการตรวจสภาพรถโดยสารให้คุมเข้มขึ้น รวมถึงมีการตรวจสอบความพร้อมและคุณสมบัติของบุคคลผู้ขับขี่และผู้ช่วยประจำรถด้วย รวมถึงนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่ารถทุกคันก่อนออกเดินทางต้องผ่านการตรวจสภาพและพร้อมใช้งาน รวมถึงต้องมีการซักซ้อมความปลอดภัยและคำแนะนำแก่ผู้โดยสารเช่นเดียวกับการโดยสารเครื่องบิน
นักจิตแพทย์ลงพื้นที่ดูแลครอบครัวผู้สูญเสีย
กระทรวงสาธารณสุขโดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้นักจิตแพทย์และนักจิตวิทยาลงพื้นที่ไปดูแลด้านจิตใจแก่ครอบครัวและผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมให้การช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยจัดกำลังแบ่งเป็นทีมกระจายกันไปดูแลอย่างทั่วถึง
กองทุนเงินช่วยเหลือฯ อนุมัติงบเยียวยาแล้ว
ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยา คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ในคราวประชุมวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือจากผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าว โดยผู้เสียชีวิตได้รับค่าจัดการศพรายละ 1 ล้านบาท กรณีทุพพลภาพรายละ 7 แสนบาท บาดเจ็บสาหัสรายละ 2 แสนบาท และบาดเจ็บเล็กน้อยรายละ 1 แสนบาท โดยจะมีการโอนเงินภายในสัปดาห์หน้า
เหตุการณ์สลดใจที่เกิดขึ้นนี้เป็นบทเรียนแห่งความเจ็บปวด ความสูญเสียบุตรหลานอันเป็นอนาคตของชาติ เป็นความสูญเสียที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ คณะรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ การเยียวยาด้านจิตใจ และการช่วยเหลือทางการเงิน ทั้งนี้กฎระเบียบมาตรการการตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถโดยสารจะถูกเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
ภาพ รัฐบาลไทย