"คลัง" จ่อรื้อเกณฑ์ "ลดหย่อนภาษี" ดัน AMC แก้หนี้ประชาชน ลั่น Quick Big Win ต้องทำทันที

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการเพิ่มเสถียรภาพทางการคลัง ผ่านการจัดทำ Medium-Term Fiscal Framework (MTFF) ฉบับใหม่ ซึ่งจะคำนึงถึงวินัยทางการคลัง ความโปร่งใส และการมีกฎ กติกาที่ชัดเจน เพื่อช่วยเรียกความเชื่อมั่นและมั่นใจ หลังจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้มีการปรับลด Outlook ของประเทศไทยลง
โดยยืนยันว่าการดำเนินการทุกนโยบายของรัฐบาล จะมีความชัดเจน และโปร่งใสของแหล่งที่มาของเงินว่าใช้งบประมาณจากส่วนใดบ้าง โดยจะไม่มีการกู้เงินเพิ่ม รวมถึงศึกษาแนวทางการปรับเกณฑ์เรื่องการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ เพื่อให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น
“เรื่องการปรับเกณฑ์ค่าลดหย่อน ไม่ต้องแก้ประมวลรัษฎากร สามารถทำได้เลย ทุกวันนี้ค่อนข้างสะเปะสะปะมาก ไม่มีกรอบชัดเจน ดังนั้นอาจจะต้องมากำหนดเพดาน เพื่อทำให้ชัดเจนว่าในแต่ละปีมีเพดานการลดหย่อนภาษีเท่าไร ซึ่งแนวทางเรื่อง Individual Savings Account ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก็น่าสนใจ โดยเป็นการรวมผลิตภัณฑ์ที่จะใช้หักลดหย่อนภาษีไว้ในถังเดียว แล้วให้คนเลือกว่าจะลงทุนอะไรบ้าง เป็นการให้อิสระในการเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุน โดยการลดหย่อนจะอยู่ภายใต้เพดานที่กำหนด” รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ
ส่วนรายละเอียดนั้น ขณะนี้ทีมงานกำลังเร่งพิจารณา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน พ.ย.นี้ และเชื่อว่าเรื่องนี้จะช่วยทำให้รัฐบาลมีรายได้มากขึ้น ซึ่งจะมีผลช่วยให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มีความเชื่อมั่นกับประเทศไทยมากขึ้นด้วย
มั่นใจ AMC แก้หนี้ประชาชน เห็นความชัดเจน ต.ค.นี้ นายเอกนิติ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้เร่งหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงสมาคมธนาคารไทย โดยจะดำเนินการผ่านกลไกการจัดตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) ในการดึงหนี้เสียในระบบของประชาชนออกมา เพื่อให้หายใจคล่องขึ้น โดยจะมีการใช้เงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีอยู่ 2.6 หมื่นล้านบาท มาดำเนินการซื้อหนี้เสีย โดยผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด (SAM) และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เพื่อให้การดำเนินการเร็วขึ้น และทันในช่วง 4 เดือนนี้ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของ AMC ในส่วนนี้ภายในเดือน ต.ค.68 เรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว เพราะรัฐบาลมีเวลาจำกัด
ขณะเดียวกัน จะมีการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ SMEs ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อต่อลมหายใจ และเดินหน้าโครงการพี่ช่วยน้อง โดยการดึงบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ผลักดันให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของธุรกิจใหญ่
ให้เงินสนับสนุนวิจัยและพัฒนา ผ่าน BOI รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวอีกว่า จะประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการได้ทำวิจัยและพัฒนามากขึ้น เพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยจะให้เงินสนับสนุนจาก BOI สำหรับผู้ประกอบการ 50% สำหรับการทำวิจัยและพัฒนา เช่น ผู้ประกอบการรายเล็ก ได้รับเงินสนับสนุนไม่เกิน 20 ล้านบาท และรายกลาง ไม่เกิน 50 ล้านบาท ซึ่งได้มีการประสานไปกับสถาบันการเงินในการให้การสนับสนุนเม็ดเงินในส่วนนี้ก่อน หลังจากผู้ประกอบการทำการวิจัยและพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว BOI จะอนุมัติเงินสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการค่อยนำเงินส่วนนี้ไปคืนให้กับสถาบันการเงินในภายหลัง
การดำเนินการนี้ จะเป็นการต่อยอดเรื่องการวิจัย พัฒนา และเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์กับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และเชื่อว่าจะต่อยอดไปสู่การลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวด้วย
“ไทยกำลังเจอกับดักเทคโนโลยี ปัจจุบันธุรกิจไทยไม่ทันโลกยุคใหม่ ดังนั้นก็จะมีการให้เงินสนับสนุนเรื่องการวิจัยและพัฒนาผ่าน BOI เพื่อทำให้ธุรกิจก้าวข้ามกับดักเดิม ๆ โดยเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการจะได้รับเงินสนับสนุน คือ จะต้องผ่านการตรวจสอบของ BOI ว่าเป็นการวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรม หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่จริง ๆ และเนื่องจากกว่าจะได้เงินตรงนี้จาก BOI ก็ต้องดำเนินการวิจัยเสร็จสิ้นก่อน ดังนั้นจึงได้ไปคุยกับสถาบันการเงิน เพื่อรองรับในส่วนนี้ไปก่อน ธนาคารก็ยินดีจะช่วยเหลือ เพราะสุดท้าย หากผู้ประกอบการได้รับการอนุมัติเงินสนับสนุนจาก BOI แล้ว อย่างไรก็ได้เงินคืนแน่นอน ธนาคารก็ไม่มีหนี้เสียจากส่วนนี้” นายเอกนิติ ระบุ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังวางแนวทางในการยกระดับทักษะแรงงาน โดยการ Upskill Reskill เพื่อให้แรงงานไทยมีทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาดในโลกยุคใหม่ โดยใช้เม็ดเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ผ่านการจัดอบรม โดยรัฐออกค่าเรียนต่าง ๆ ให้ ในการพัฒนาทักษะระยะสั้นช่วง 4 เดือน ตั้งเป้า 1 แสนคน ซึ่งจะแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานไทยไม่มีคุณภาพ และไม่เป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงพยายามจะจับมือกับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เพื่อรับแรงงานที่มีการยกระดับทักษะเหล่านี้เข้าไปทำงาน
นายเอกนิติ ยอมรับว่ารัฐบาลมีเวลาจำกัดแค่ 4 เดือน จึงมีแนวคิดในการกระตุ้นเศรษฐกิจสั้น เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นจากหล่ม แต่ต้องได้ผลในระยะยาวและกระจายตัว ผ่านนโยบาย Quick-Big-Win ทั้งหมดจึงต้องทำทันที
“กับดักต่าง ๆ ที่เป็นปัญหากับประเทศไทยตอนนี้ มีการพูดถึงกันมานาน เราเคยพูดกันว่าไทยเป็นเสือ แต่ตอนนี้เหมือนคนป่วย และหากปล่อยไปไม่ทำอะไร ก็อาจจะตายได้ ดังนั้น เราต้องรู้ให้ได้ว่าเราป่วยเป็นอะไร และต้องลุกขึ้นมาทำจริง ๆ จัง ๆ ก็มีโอกาสที่จะกลับมาแข็งแรงได้โดยไม่ต้องเข้า ICU วันนี้เราต้องเริ่มต้น” รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
